สร้างสื่อเล่นสนุก เด็กสุขสร้างสรรค์
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
"เป็นบุญกุศล ฮ้องคนลุกเจ๊า
ฮ้องลุกนึ่งข้าว หุงหาอาหาร
ก ไก่ลุกเจ๊า โก่งคอขับขาน
ฮ้องคนหื้อตาน ตักบาตรตุ๊เจ้า
ข ไข่ใส่จาน เป๋นอาหารกับข้าว
กิ๋นเลี้ยงตั๋วเฮา อิ่มต๊อง…"
เสียงเจื้อยแจ้ว ขับขานบทอาขยาน ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก แบบค่าวฮ่ำกำเมือง ตามที่ พ่อครูประดิษฐ์ เป็งเรือน ปราชญ์ชาวบ้าน จากหมู่ 2 ต.ห้วยทราย อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ประพันธ์ให้เด็กๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองแสะ ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสื่อสร้างสรรค์
การจะเกิดกิจกรรมเหล่านี้ได้นั้น ทางศพด.บ้านหนองแสะของเทศบาลตำบลห้วยทราย ได้เข้าร่วมโครงการมหัศจรรย์สื่อสร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จนทำให้เด็กเล็กๆ ในศูนย์มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนทุกด้าน ทั้งทางอารมณ์ ร่างกาย สติปัญญา
อย่างน้องเบญ เด็กหญิงพิการ แข้งขาไม่แข็งแรง กล้ามเนื้อลีบ เพราะมารดาขาดการบำรุงในช่วงตั้งครรภ์ ตอนแรกที่นำมาฝากในศูนย์ น้องเบญเดินด้วยตัวเองไม่ได้ มือเกร็ง จะล้มคะมำตลอด แต่พอฝึกให้ใช้เท้าย่ำทราย เดินในยางรถยนต์ ใช้มือขยำทราย ปั้นแป้งโดว์ ดินญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็ก ทำให้ตอนนี้เดินทรงตัวได้แล้ว ช่วยเหลือตนเองได้มากขึ้น
อีกรายหนึ่ง คือน้องชมพูนุช ที่ออกเสียงไม่ชัด พูดฟังไม่รู้เรื่อง เมื่อครูร่วมมือกับ ผู้ปกครอง เล่านิทานให้ฟังแล้วให้ฝึกอ่านออกเสียงจากนิทานภาพ เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็ออกเสียงดีขึ้น คนอื่นฟังแล้วรู้เรื่อง"สมศรี คำฝั้น ครูผู้ดูแลเด็ก ศพด.บ้านหนองแสะยกตัวอย่างบางส่วนของเด็กๆ ที่มีพัฒนาการดี
สาเหตุที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนั้น ครูสมศรีบอกว่าเกิดจากปัญหาเด็กขาดวินัย เชิงบวก ดื้อ ซน ก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังครูและ ผู้ปกครอง จึงเข้าไปเรียนรู้กับกลุ่มละคร ชุมชนกั๊บไฟ เพื่อนำมาถ่ายทอดให้ครู ผู้ปกครองและเด็ก ให้ทุกฝ่ายพูดคุยตกลงกันด้วยเหตุผล โดยไม่ใช้ไม้เรียวหรือการดุด่า ทั้งที่บ้านและในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต่อมาทางกลุ่มละครชุมชนกั๊บไฟเห็นว่าที่ศูนย์มีการเล่านิทานให้เด็กฟังด้วย จึงแนะนำให้เสนอขอเข้า ร่วมโครงการมหัศจรรย์สื่อสร้างสรรค์ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ของ สสส.
"เราเน้นพัฒนาการและการสร้างคุณสมบัติพึงประสงค์ 5 ด้าน คือ 1.ควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ใช้ความรุนแรง มีความเมตตาต่อกัน 2.มีความผูกพัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น 3.ด้านสติปัญญา มีทักษะในการแก้ไขปัญหา พึ่งพาตนเอง 4.มีวินัย รับผิดชอบ รู้จักผิดถูก และ 5.เกิดจิตสาธารณะ คิดถึงส่วนรวม" ครูสมศรีอธิบาย
กิจกรรมที่ออกแบบจึงเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ทั้งครู ผู้ปกครอง คณะกรรมการศูนย์ และตัวของเด็กเอง แต่ช่วงแรกพบว่าผู้ปกครองและชุมชนให้ความร่วมมือค่อนข้างน้อย แต่เมื่อย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นและข้อดีของการจัดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กจนเกิดความเข้าใจก็ไม่เคยผิดหวัง ทุกครั้งที่เอ่ยปากขอความร่วมมือ ผู้ปกครองและชาวบ้านจะสนองตอบอย่างเต็มที่ เช่น การปรับพื้นที่ทำบ่อน้ำบ่อทราย อุโมงค์ ห้องสมุด ก็จะมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ภาพลักษณ์ที่ดีของศูนย์รวมถึงพัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างสมวัยทำให้ ผู้ปกครองไว้วางใจ ไม่นำเด็กไปฝากโรงเรียนในตัวเมือง
การเรียนรู้ที่มีพ่อแม่เข้าร่วมหรือปราชญ์ชุมชนช่วยสอนจึงเป็นภาพปกติของ ศพด.บ้านหนองแสะ เช่น เมื่อปราชญ์ชุมชนเข้ามาเล่านิทานปรัมปราของหมู่บ้านให้เด็กฟัง ครูก็จะทำหนังสือภาพประกอบ หรือกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้านสืบสานภูมิปัญญา มีผู้เฒ่าผู้แก่มาช่วยสอนทำเครื่องร่อน ตีล้อ ม้าก้านกล้วย เดินกะลา กิจกรรมศิลปะพัฒนากล้ามเนื้อมือ ก็มีผู้รู้เข้ามาสอนการประดิษฐ์กระดาษสา ตัดตุง ปั้นดิน ขณะเดียวกันผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเฉยๆ ก็เข้ามาช่วยกันทำห้องสมุดใต้ต้นไทร ช่วยเล่านิทานให้เด็กฟัง และด้วยความที่ศูนย์อยู่ในพื้นที่เดียวกับวัด พระครูก็ให้ศาลานั่งอ่านหนังสือ มีบ้านเล็กสำหรับวางหนังสือ และคนในชุมชนช่วยกันหาหนังสือมือสองมาให้ด้วย
เมื่อทุกอย่างได้รับการปรับปรุงจนลงตัวแล้ว ทาง ศพด.บ้านหนองแสะขยายผลด้านการพัฒนาทักษะของครูไปยังเครือข่ายครู ศพด.ต่างๆ ในเขตพื้นที่อำเภอสันกำแพง และอำเภอแม่ออน ซึ่งที่ผ่านมามีตัวแทนครูเข้าร่วมทำหนังสือผัก ผลไม้พูดได้ เมื่อทำเสร็จแล้วก็นำไปเป็นสื่อสร้างสรรค์ประจำศูนย์ละ 2 เล่ม
ทางด้าน จีรพงศ์ เต็มจิตร์ ปลัดเทศบาลตำบลห้วยทราย อ.สันกำแพง กล่าวว่านอกเหนือจากอาหารเสริม เทศบาลมีงบประมาณส่วนหนึ่งสำหรับจัดซื้อหนังสือนิทานหรืออุปกรณ์กีฬาทุกปีอยู่แล้ว รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรม โครงการดีๆ ที่มีอยู่และต้องการต่อ ยอดไปข้างหน้าจึงไม่ใช่เรื่องยาก แม้ว่าจะหมดโครงการของ สสส.ไปแล้วก็ตาม
การทุ่มเทของครู ซึ่งไม่เพียงแค่ตัวเอง แต่ยังพาคนในครอบครัวมาช่วยด้วย เช่น สามีครูสมศรีมีความรู้ด้านการเกษตรก็เข้ามาช่วยเป็นวิทยากรสอนเด็กๆ ทำแปลงผักปลอดสารพิษและเพาะเห็ด ขณะที่สามีคุณครูอีกคนหนึ่งถนัดด้านศิลปะก็รับอาสาช่วยวาดภาพ ทำสมุดภาพเล่มใหญ่ บางคนก็ช่วยลงพื้นที่ ทำให้ผู้ปกครองและชาวบ้านตลอดจนผู้บริหารเทศบาลมองเห็นความตั้งใจจริงในการ "ให้" แก่เด็กๆ