ลูกจ้างหญิง เตรียมเฮ รับ “โมเดลมุมนมแม่”
พัฒนาคุณภาพชีวิต
สสส.จับมือ 4 ภาคี แถลงความร่วมมือสร้างโมเดล “มุมนมแม่” ในนิคมอุตสาหกรรมไทย ชี้กลยุทธ์ CSR ‘ดื่มนมแม่’ ได้ประโยชน์ 3 เด้ง แม่ลูกแข็งแรง-ประหยัด-งานเวิร์ค
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สภาหอการค้าไทย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันจัด “แถลงความร่วมมือของภาคเอกชนในโครงการ CSR มุมนมแม่ในสถานประกอบการ” และงานเสวนา “คุณแม่ยุคใหม่ สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตสังคมไทย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง “มุมนมแม่” ขึ้นในสถานประกอบการ เพราะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นรากฐานของชีวิตเด็ก อันจะนำไปสู่สุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
พ.ญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ผู้จัดการชุดโครงการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. กล่าวว่า ตามที่ศูนย์มุมนมแม่ได้จัดให้มีโครงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ขึ้นตามสถานประกอบการในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และในเขตภูมิภาคต่างๆ รวม 302 แห่ง ใน 40 จังหวัด และได้รับมาตรฐานดีเด่นแล้ว 17 แห่ง ล่าสุดมีพนักงานที่มาใช้บริการในสถานประกอบการดีเด่น 15 แห่ง ทั้งหมด 733 ราย สามารถให้นมบุตรระยะ 1-5 เดือน ร้อยละ 57.5 (422 ราย) ให้นมบุตร 6-11 เดือนร้อยละ 36 (246 ราย) และให้นมแม่นาน 1 ปีขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 6.5 (48 ราย) นั้น ก็เป็นหนึ่งในการเตรียมความพร้อมของ “โมเดลมุมนมแม่” ก่อนที่จะต่อยอดในสถานประกอบการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นการแสดงความรับผิดชอบต่อบุคคลในองค์กร ก่อนจะพัฒนาไปยังสังคม ควบคู่ไปกับการประกาศให้สังคมไทยได้รับรู้ถึงคุณค่าของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
“ถามว่าทำไมถึงคิดต่อยอดที่นิคมอุตสากรรม เพราะเดิมที่นี่ได้มีการจัดสวัสดิการ การดูแล มีพื้นที่ให้กับพนักงานอยู่แล้ว ดังนั้นหากผู้นำองค์กรเพิ่มความเข้าใจในคุณค่าของนมแม่และประโยชน์จากมุมนมแม่ก็จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้สถานประกอบการอื่นๆ ในการขับเคลื่อนให้เกิด “โมเดลมุมนมแม่” ในสถานประกอบการต่อไป” พ.ญ.ยุพยง กล่าว
นายชัยยุทธ์ ชำนาญเลิศกิจ กรรมการผู้อำนวยการ สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลักการประเมินการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทางตลาดหลักทรัพย์นั้น แม้จะไม่ได้มีการวัดในแง่เศรษฐกิจ แต่หากมองในแง่ประโยชน์ของคุณภาพชีวิตพนักงานเป็นหลักจะเห็นว่า โมเดลมุมนมแม่ควรเป็นหนึ่งในนโยบายหลักในการพัฒนาบุคลากรเพื่อคุณภาพชีวิตของพนักงาน โดยการดูแลพนักงานที่ตั้งครรภ์จนถึงคลอด ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น
“เมื่อพนักงานส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มาก ตัวผู้บริหารจึงต้องเริ่มให้ความสำคัญด้วยการเข้าไปดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ เช่น ส่งเสริมให้กินอาหารบำรุงเพื่อลูกคลอดออกมาจะได้มีสุขภาพที่ดี ทำให้ช่วยลดอัตราการขาด ลา มาสาย ได้มาก ทางบริษัทก็ได้ประโยชน์ด้วย จึงได้มีการแถลงความร่วมมือ CSR เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีชีวิตที่ดีขึ้นซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนนิคมอุตสาหกรรมในกำกับของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 8 แห่ง 3 จังหวัด คือ สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร ปี 2553-2554 และเพิ่มขึ้นอีก 8 แห่ง 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง ราชบุรี ปี 2554-2555 โดยจะให้มีสถานประกอบการ เข้าร่วม จำนวน 600 แห่ง ในระยะเวลา 3 ปี คือปี พ.ศ.2553-2556” นายชัยยุทธ์ กล่าว
นายไพโรจน์ พุ่มประสาท จป.วิชาชีพ บริษัท แมรี่กอท จิวเวอร์รี่ (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานต้นแบบในการส่งเสริมให้พนักงานเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หลังจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเยี่ยมชมโรงงาน ได้กล่าวว่า ปัจจุบันทางบริษัทมีการสวัสดิการให้กับพนักงานเพิ่มขึ้น คือ จัดอบรมให้คุณแม่มือใหม่ทุกเดือน เข้าเยี่ยมบ้านหลังคลอด โดยมีคุณหมอไปดูแลและแก้ไขคนที่ลูกไม่ยอมดูดนมแม่ ฝึกคุณแม่ให้เป็นพี่เลี้ยงกับคุณแม่มือใหม่ เพื่อบอกวิธีการบีบนม การจัดเก็บและส่งกลับบ้าน ทำให้พนักงานมีอัตราการลาลดลง เพราะลูกไม่เจ็บป่วย และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3,000 บาท
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update:29-07-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ