ผู้จัดการสสส.คนใหม่ตั้งเป้าล้านคนสร้าง ปท.น่าอยู่
เน้นมีส่วนร่วมปฏิบัติการทางสังคมทุกระดับ
หมอกฤษดา แนะสร้างจิตสำนึกใหม่ต้องมีปฏิบัติการทางสังคมด้วยเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมสู่เปลี่ยนแปลงเชิงวิธีคิด ตั้งเป้า1ล้านคนร่วมสร้าง ปท.น่าอยู่
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนใหม่ กล่าวในเวทีประชุมปฏิรูปประเทศไทยเพื่อสุขภาวะของคนไทย ครั้งที่ 30 ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร ว่า ประเทศไทยที่ผ่านมาหลายองค์กรมีความพยายามสร้างเรื่องจิตสำนึกใหม่ มีความพยายามทำกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล สามารถสร้างการรับรู้ตระหนักให้เกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีการปฏิบัติการ
ฉะนั้น การสร้างจิตสำนึกใหม่ สร้างแค่เรื่องการสื่อสารคงไม่พอ ต้องมีองค์ประกอบที่สองที่ให้สามารถก้าวพ้นได้ คือปฏิบัติการทางสังคม ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงวิธีคิด
“ในระดับชุมชน เราจะเห็นปฏิบัติการทางสังคมเต็มไปหมด อย่างเช่น พระอาจารย์สุบิน ปณีโต จ.ตราด สอนคนให้รู้จักการออม สร้างกระบวนการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในแถบภาคตะวันออก ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ เป็นปราชญ์ทางภาคอีสาน จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ใหญ่โชคชัย ลิ้มประดิษฐ์ ครูชบ ยอดแก้ว หรืออีกหลายๆ ท่าน แม้กระทั่งในระดับองค์กรมี ดังนั้น การรณรงค์ร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุด ทุกคนสามารถร่วมกันสร้างได้”
ผู้จัดการ สสส. กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเริ่มจากตัวเอง ไม่หวังให้ใครหรือรัฐบาลมาทำให้ทุกคน ทุกองค์กร ทุกพื้นที่สามารถร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมไทยได้ คือ เริ่มจากจุดที่เริ่มได้ ก่อนมาร้อยเป็นขบวนใหญ่ เข้าไปสู่การสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลก
“ขณะนี้มีปฏิบัติการทางสังคมอยู่ทั่วประเทศแล้ว การกระตุ้นไปยังบุคคลให้เชื่อว่าสามารถสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ได้ จะเริ่มก่อน และเปลี่ยนเป็นปฏิบัติการในทุกส่วน โดยจะมีการรวบรวมให้สามารถร่วมปฏิบัติการทางสังคมทุกระดับ ทั้งระดับบุคคล องค์กร หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด
และว่า ที่สำคัญ เราต้องการความร่วมมือขององค์กรสื่อทุกองค์กร ความร่วมมือครั้งนี้ ทำโดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่ได้ ต้องเป็นเครือข่ายของสื่อขนาดใหญ่ ทั้งสื่อท้องถิ่น วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่อที่อยู่ในมือบริษัทเอกชน ร่วมเป็นพันธมิตร”
เมื่อถามว่า การปฏิบัติการทางสังคมระดับประเทศ เพื่อร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ จะสามารถขับเคลื่อนได้เมื่อไหร่นั้น ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ต้องดูความพร้อมของสถานการณ์บ้านเมือง เพื่อให้ประเทศไทยได้ร่วมสร้างความฝันร่วมกัน ซึ่งจากนี้ไปจะมีการพัฒนาตัวชี้วัดขึ้นมาตัวหนึ่ง คือ ตัวชี้วัดการพัฒนาความก้าวหน้าประเทศ (nation progress index:npi) ใช้ควบคู่กับ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product:gdp) เพื่อปรับทิศการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน ขณะนี้กำลังไปต่อและสร้างกลไกกับหน่วยงานหลักของประเทศ
“โครงการเชียงใหม่เอี่ยม เป็นตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงระดับเมือง ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นชัดเจน ขณะที่ระดับหมู่บ้าน ตำบล องค์กร บุคคล หาตัวอย่างได้ไม่ยาก และหากโครงการเชียงใหม่เอี่ยมสำเร็จก็จะขยับสู่การเปลี่ยนแปลงในจังหวัดหรือเมืองอื่นได้ต่อไป ขณะเดียวกันระดับองค์กร ที่ทำงานหน้าอยู่ โรงเรียนน่าอยู่ ทางสสส.มีโครงการ happy 8 เปลี่ยนวิธีคิดองค์กรเอกชน ที่เน้นแต่หากำไร เวลานี้ หลายบริษัทซื้อแนวคิดนี้แล้ว”
ผู้จัดการ สสส. กล่าวถึงเป้าหมายการสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลกด้วยว่า แนวคิดพร้อมที่จะขับเคลื่อนแล้ว อยากเห็นเมือง 100 แห่งที่จะเข้ามาร่วมขบวนการ โดยทางสสส.เป็นเพียงผู้จุดความคิด อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงองค์กร 1 หมื่นแห่ง และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับบุคคล 1 ล้านคน ที่จะมาร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลก
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
update 01-04-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่