‘บ้านเตื่อมฝัน’ คืนชีวิตคนไร้บ้าน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
แฟ้มภาพ
กลุ่มคนที่ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะหลายคนอาจมองว่าเป็นผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนปกติที่ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ฯลฯ จนทำให้ออกจากบ้านมาเพื่อเผชิญกับโลกเพียงลำพัง แต่การใช้ชีวิตบนพื้นที่สาธารณะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องหวาดระแวงกับการถูกทำร้าย ถูกขับไล่ บวกกับ สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิต ทำให้กลุ่มคนไร้บ้านไม่สามารถนอนหลับได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และภาคประชาสังคม ได้ร่วมกันเปิด "บ้านเตื่อมฝัน ศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไร้บ้าน จังหวัดเชียงใหม่" ถือได้ว่าเป็นรูปธรรมทางนโยบายภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มคนไร้บ้าน 2 ปี (พ.ศ. 2559-2560) ตามมติ ครม. วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559 โดยมี พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกล่าวเปิดในพิธี
"ผมมาที่นี่แล้วผมเห็นชุมชนที่เราต้องการเห็นในประเทศไทย ผมเองเป็นคนชอบสังคมแบบนี้ ดังนั้นถ้าเกิดชุมชนนี้เป็นตัวอย่างได้ ผมก็จะนำผลงาน นำวิธีการ และวิธีคิดของชุมชนนี้ไปขยายผลให้กับพื้นที่อื่นๆ ได้รับทราบ" พลเอกอนันตพร กล่าวหลังจากได้เดินเยี่ยมชม 'บ้านเตื่อมฝัน' ศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้านเชียงใหม่ และกล่าวชื่นชมถึงการรวมกลุ่มกันของกลุ่มคนไร้บ้านที่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ มีการบริหารจัดการที่ดี มีการตั้งกติการ่วมกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันโดยไม่มีการบังคับ โดยอยากจะให้เป็นตัวอย่างที่ดีในสังคมอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และอยากให้ที่นี่เป็นตัวอย่างที่ดี สามารถบริหารจัดการจนเกิดการขยายศูนย์ฯ ไปทั่วประเทศ การที่ชุมชนเข้มแข็งและจะอยู่ร่วมกันได้ต้องมีกติกา การแสดงเจตนารมณ์ว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้จริง รัฐบาลก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
"คนไร้บ้านไม่ได้ขี้เกียจ หรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด มีแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ประสบปัญหาสุขภาพจิต" นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการทำงาน สสส. ที่ทำการสำรวจสถานะทางสุขภาพของคนไร้บ้าน พบว่า มีปัญหาการติดเหล้าร้อยละ 64 ซึ่งกลุ่มคนทั่วไปแค่ร้อยละ 30 ทั้งๆ ที่คนไร้บ้านขาดรายได้ และยังอยู่ในพื้นที่เสี่ยง นอกจากนี้การอยู่ในพื้นที่สาธารณะนาน ยิ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรค ไม่ว่าจะโรคปอด หรือโรคติดเชื้อต่างๆ สสส. จึงเข้ามาร่วมทำโมเดล ที่จะทำให้คนทั่วไป เข้าสู่ภาวะคนไร้บ้านให้สั้นที่สุด และกลับคืนสู่สังคมปกติโดยเร็ว ด้วยการพัฒนาศักยภาพ การต่อยอดทักษะอาชีพตามความถนัดของแต่ละคน เพื่อให้สามารถดูแลพึ่งพาตนเองได้ ทั้งนี้เราเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสจะกลับมายืนอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งถือเป็นหัวใจที่สำคัญที่ทำให้ สสส. เข้ามาร่วมทำงานเรื่องของคนไร้บ้าน
"นอกจากนี้ สสส. ยังเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลเรื่องของสิทธิ์ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนไร้บ้านได้รับสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน โดยใช้ระบบพี่เลี้ยงที่มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยทำอยู่เป็นตัวช่วยในการดูแล ในการพาคนไร้บ้านไปรับการรักษาพยาบาล ทำบัตรประชาชนหรืออื่นๆ ตามสิทธิ์พึงมีพึงได้ การพัฒนาศักยภาพรวมถึงการทำให้คนไร้บ้านกลับคืนสู่สังคมล้วนแต่เป็นงานที่ สสส. ยินดีที่จะสนับสนุนต่อเนื่อง" นางภรณี กล่าวทิ้งท้าย ในการทำงานของเจ้าหน้าที่มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย
นายสมพร หารพรม เจ้าหน้าที่มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้เล่าถึงการรับคนไร้บ้านเข้าศูนย์ฟื้นฟูฯว่า จากผลการสำรวจข้อมูลคนไร้บ้านใน 3 เมืองหลัก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และขอนแก่น พบจำนวนคนไร้บ้าน 1,395 คน โดย จ.เชียงใหม่มีกลุ่มคนไร้บ้าน จำนวน 166 คน ล่าสุดลดเหลือ 75 คนโดยประมาณ ซึ่งตนไม่ต้องการรับสมาชิกคนไร้บ้านเพิ่ม แต่อยากช่วยให้พี่น้องคนไร้บ้านกลับสู่ครอบครัว สู่สังคม โดยพยายามสร้าง เครือข่าย สร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้อง เพื่อที่จะได้กลับคืนสู่ครอบครัว สังคม อย่างมีศักดิ์ศรี และป้องกันกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นคนไร้บ้านหน้าใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ศูนย์ที่มีอยู่แล้วสร้างความอุ่นใจให้กับคนไร้บ้านที่เข้ามาอาศัยอยู่ และอยากให้หน่วยงานภาคประชาสังคมเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาและป้องกันคนไร้บ้านหน้าใหม่ด้วย
"จากความสำเร็จในการก่อตั้งศูนย์ฟื้นฟูฯ ทำให้คนไร้บ้านมีที่อยู่อาศัยอย่างปลอดภัย" นายนรินทร์ เอื้ออมรรัตน์ ประธานเครือข่ายคนไร้บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ เล่าถึงความรู้สึกของการใช้ชีวิตแบบไร้บ้านมาเป็นเวลายาวนาน โดยการตัดสินใจเข้าร่วมเครือข่ายคนไร้บ้านเชียงใหม่ หลังจากที่ถูกชักชวนโดยกลุ่มคนไร้บ้าน กทม. ในขณะนั้น ทำให้จากเดิมอยู่อย่างไร้ความฝัน มีชีวิตอยู่ไปวันๆ แห้งแล้งในจิตใจ แต่วันนี้ มีบ้าน มีที่อยู่ เป็นการเติมฝันทำให้หัวใจได้น้ำมีความชุ่มชื้น ทำให้จากคนไร้บ้านกลายเป็นคนที่มีเพื่อนและมิตรในทุกภาค
"บ้านเตื่อมฝัน" ที่แปลว่าเติมฝัน สามารถเติมเต็มมิตรภาพ เติมเต็มความสุข ความฝัน สร้างความหวัง สร้างอนาคตให้กับกลุ่มคนไร้บ้านได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การเปิดศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้านเชียงใหม่จะช่วยให้คนไร้บ้านได้พัฒนาทักษะอาชีพ สามารถเลี้ยงดูตนเอง และกลับสู่สังคมได้ในอนาคตต่อไป