‘บอลโต๊ะกลม’ กีฬาใหม่…คิดโดยคนไทย
“ยกนิ้วให้” ฉบับนี้ ขอพาไปรู้จักกับนักศึกษาหลักสูตรปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจการกีฬาและการบันเทิง วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่สร้างชื่อสียงด้วยการคิดค้น “บอลโต๊ะกลม (round table ball)” กีฬาชนิดใหม่ของโลกที่คิดค้นโดยคนไทย และได้จดสิทธิบัตรไปแล้ว
ทั้งนี้ งานวิจัย “บอลโต๊ะกลม” ยังได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ ผลงานประดิษฐ์คิดค้น สาขาการศึกษา วิชาพลศึกษา ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2554 จัดโดยสภาวิจัยแห่งชาติอีกด้วย
นายธนา กิติศรีวรพันธุ์ เจ้าของงานวิจัยเรื่องบอลโต๊ะกลม เล่าว่า ภูมิใจมากที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยสามารถสร้างกีฬาที่เกิดจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยโดยใช้รูปแบบมาตรฐานของสากล ไม่ใช่คอยรับองค์ความรู้จากต่างประเทศตลอดเวลา ในอดีตการนำกีฬาเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย จะมาจากนักเรียนไทยที่ไปเรียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันกีฬาบอลโต๊ะกลมได้เผยแพร่ไปแล้วในระดับโรงเรียนตามจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุดรธานี เลย และนครพนม มีสมาชิกชมรม 35 ชมรม และตั้งใจจะเผยแพร่ในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ซึ่งเป็นการเผยแพร่จากล่างสู่บน และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะใช้ทักษะกีฬาบอลโต๊ะกลมพัฒนาร่างกายและสมอง
เจ้าของงานวิจัยเล่าถึงสาเหตุที่เลือกทำเรื่องนี้ว่า มาจากการดูวิดีโอทางอินเตอร์เน็ต เห็นการเล่นกีฬาไตรปิงปอง ซึ่งคิดและประดิษฐ์อุปกรณ์โดยวิศวกรชาวฮาวาย มีผู้เล่นสามคนพร้อมกัน ก็เลยมีความคิดว่าขนาดคนที่ไม่ได้ศึกษาด้านกีฬามาโดยตรง ยังมีความสามารถคิดค้นทางด้านกีฬาได้ เราซึ่งอยู่ในแวดวงกีฬาก็น่าจะทำได้เหมือนกัน อีกทั้งสมัยเด็กได้ฝึกเทนนิสกับพ่อซึ่งรับราชการเป็นนายอำเภอ และเป็นแชมป์เทนนิสชายคู่ของการแข่งขันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดนครราชสีมา ประทับใจในความสามารถของพ่อ จึงได้คิดกีฬาที่มีการตีโต้ตอบ โดยสามารถเล่นได้สี่คนพร้อมกัน จนเกิดเป็นกีฬาบอลโต๊ะกลมในที่สุดกลมในที่สุด
จุดเด่นของบอลโต๊ะกลม คือเป็นกีฬาที่ต้องใช้มือเล่นทั้งสองข้าง ซึ่งต้องสัมพันธ์กับการสั่งการของสมอง การแข่งขันจะเล่นพร้อมกันทั้งสี่คน ซึ่งผู้เล่นจะต้องสวมถุงมือชนิดพิเศษที่ติดพลาสติคอะคริลิกสำหรับใช้ตีลูกจากการทดลองใช้กับคนสามวัย คือ เด็กผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในปี พ.ศ.2552 พบว่าคนทั้งสามวัยมีความพึงพอใจในการเล่นและสามารถเล่นร่วมกันได้ จึงสามารถนำไปใช้เป็นกิจกรรมกีฬาและนันทนาการของครอบครัวและชุมชนได้
ถือเป็นผลงานวิจัยที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกาย ทั้งช่วยสนับสนุนและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว…อย่างนี้ต้อง “ยกนิ้วให้”
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน