“นางฟ้าชุดขาว” ในไทยกำลังน่าเป็นห่วง!!

เผยจำนวนพยาบาลลด กระทบระบบบริการสุขภาพ

 

 “นางฟ้าชุดขาว” ในไทยกำลังน่าเป็นห่วง!!

          สารพัดโรคทั้งเก่า – ใหม่ คุกคามมนุษยชาติ คุกคามคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นลำดับ ซึ่งแม้วิทยาการทางการแพทย์ แม้เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ จะเจริญรุดหน้าขึ้นเป็นลำดับ แต่กระนั้นการจะต่อสู้กับสารพัดโรคภัยก็ยังเป็นภาระหนัก ยังต้องใช้ บุคลากรทางการแพทย์ ฝ่ายต่างๆ ซึ่งมิใช่แค่แพทย์เท่านั้น

 

          พยาบาล – นางฟ้าชุดขาว ก็เป็นหนึ่งใน ตัวจักรสำคัญ

 

          แต่ปัจจุบันไทยเริ่มจะมีปัญหา จำนวนพยาบาลลดลง!!

 

          ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพยาบาลที่ให้บริการด้านสุขภาพ และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากความต้องการบริการสุขภาพของประชาชนเพิ่มขึ้น และการสูญเสียกำลังคนกลุ่มนี้ออกจากระบบบริการสุขภาพก่อนวัยอันควร” …นี่เป็นการระบุของ ดร.กฤษดา แสวงดี หัวหน้าโครงการวิจัยสุขภาพและชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประเทศไทย

 

          ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีพยาบาลวิชาชีพในทุกสังกัดราว 140,000 คน หักส่วนที่ไม่ได้ทำงานด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ลาคลอด, ลาพัก ฯลฯ จะเหลือที่กำลังทำงานราว 90,000 คน ส่วนพยาบาลจบใหม่ที่เข้าสู่ระบบมีปีละประมาณ 6,000 คน แต่ส่วนที่ออกจากระบบไปด้วยสาเหตุต่างๆ ในแต่ละปีก็สูงถึงประมาณ 4,000 คน

 

          ดร.กฤษดาระบุว่า… จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ในระยะเวลาอีกประมาณ 5 – 10 ปีข้างหน้า พยาบาลรุ่นที่เรียกว่า เบบี้ บูมเมอร์ (baby boomer) จะทยอยเข้าสู่วัยเกษียณอายุถึงร้อยละ 15 – 20 ต่อปี ซึ่งโดยภาพรวมจำเป็นจะต้องมีการเร่งผลิตพยาบาลเพื่อทดแทนการสูญเสียในอนาคต ควบคู่กับการพัฒนานโยบายที่เกี่ยวข้อง และมาตรการเพื่อลดการสูญเสียและธำรงรักษาให้พยาบาลสามารถทำงานในวิชาชีพได้อย่างยาวนาน รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานแก่กำลังคนพยาบาลที่มีอยู่ในระบบอย่างต่อเนื่อง

 

          จุดนี้จึงเป็นที่มาของ โครงการวิจัยสุขภาพและชีวิตการทำงานของพยาบาลวิชาชีพในประเทศไทยโดยการร่วมมือระหว่าง สภาการพยาบาล สำนักงานพัฒนานโยบายระหว่างประเทศ สำนักการพยาบาล กรมการแพทย์ สำนักงานวิจัยและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่ง ดร.กฤษดาเป็นหัวหน้าโครงการ

 

          ส่วนนักวิจัยมีอาทิ นพ.ฑิณกร โนรี, ดร.เพชรสุนีย์ ทั้งเจริญกุล โดยมี ศ.ดร.นพ.ธาดา ยิบอินซอย, นพ.ดร.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร เป็นที่ปรึกษา และ ศ.เกียรติคุณ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ เป็นประธานโครงการ

 

          ดร.กฤษดาเผยว่า… โครงการนี้เป็น โครงการวิจัยระยะยาวในกลุ่มกำลังคนวิชาชีพด้านสุขภาพโครงการแรกในประเทศไทย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้เต็มศักยภาพ สร้างองค์ความรู้จากการประเมินผลกระทบของนโยบายที่มีต่อกำลังคนในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและแผนกำลังคนวิชาชีพด้านสุขภาพ และนโยบายพัฒนาสุขภาพสตรีไทยและประชาชนทั่วไป

 

          ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ ระบุถึงโครงการนี้ว่า… ทางโครงการจะทำการศึกษาติดตามในกลุ่มอาสาสมัครพยาบาลวิชาชีพที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 50,000 คน ทุกๆ 2 ปี เป็นเวลา 20 ปี ในช่วงระหว่างปี 2552 – 2573 โดยในปีแรกนี้ คาดว่าจะส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ประมาณกลางเดือน ส.ค.นี้ โดยขอให้อาสาสมัครตอบและส่งแบบสอบถามกลับคืนมายังโครงการ ประมาณวันที่ 17 ก.ย. 2552

 

          คำตอบของอาสาสมัครทุกท่านจะมีค่ามหาศาล ทั้งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพยาบาล และการพัฒนาสุขภาพของประชาชนคนไทย” …ประธานบริหารโครงการฯระบุ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า…..

 

          งานพยาบาลนอกจากจะเป็นงานหนัก ต้องทำงานเป็นเวรผลัดตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังเป็นงานที่ต้องรับผิดชอบสูง ต้องเผชิญกับความเร่งรีบและความเครียดเกือบตลอดเวลา พยาบาลบางส่วนต้องทำงานที่สัมผัสกับสารเคมีหรือสารอันตราย ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากมายที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ การติดเชื้อโรค และบาดเจ็บจากการทำงาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และการออกจากงานพยาบาลก่อนวัยอันควร

 

          ในสหรัฐอเมริกา จากการสำรวจพยาบาล 121,700 คน ทุก 2 ปี ตั้งแต่ปี 2519 – 2535 พบว่าพยาบาลที่ทำงานเวรผลัดกลางคืนอย่างน้อย 3 คืนต่อเดือน 15 ปีขึ้นไป เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนในสวีเดน พบปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ ซึ่งนี่ก็มีผลต่อการออกจากวิชาชีพก่อนวัยอันควร

 

          สำหรับประเทศไทย พยาบาลไทยมีระยะเวลาทำงานในวิชาชีพเฉลี่ยเพียง 22.55 ปี และมีอัตราการสูญเสียสูงถึงร้อยละ 4.4 ต่อปี ซึ่งอาจทำให้ปัญหาขาดแคลนพยาบาลรุนแรงมากขึ้น!! และจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริการประชาชน!! ที่นับวันความต้องการด้านสุขภาพจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

          เพื่อชดเชยการสูญเสียดังกล่าว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนานโยบายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพยาบาลวิชาชีพนั้นเป็นกำลังคนที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนบริการสุขภาพในทุกระดับทั่วประเทศ การขาดแคลนพยาบาลจึงไม่ใช่เพียงปัญหาของวิชาชีพเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของระบบบริการสุขภาพด้วย” …ประธานโครงการวิจัยสุขภาพและชีวิตการทำงานของพยาบาลฯ ระบุ

 

          นางฟ้าชุดขาว – พยาบาลในไทย…กำลัง น่าเป็นห่วง ทั้งกับพยาบาลเอง…และคนไทยทั่วไปที่เจ็บไข้ได้ป่วย!!!

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

update 06-08-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code