นั่งน้อย เล่นมาก ตั้งกติกาหน้าจอ

ที่มา:เดลินิวส์


นั่งน้อย เล่นมาก ตั้งกติกาหน้าจอ thaihealth


แฟ้มภาพ


รายงานขององค์การอนามัยโลก พบว่า ผู้ใหญ่มากกว่า 23% และวัยรุ่นมากกว่า 80% มีกิจกรรมทางกายภาพที่ไม่เพียงพอและพฤติกรรมเนือยนิ่งมากเกินไป


          กรมสุขภาพจิตจึงแนะนำผู้ปกครองให้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก โดยมุ่งเน้น การลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง เช่น การนั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไร การนั่งติดกับสายรัดในรถเข็นเด็ก หรือการนั่งดูโทรทัศน์หรือเครื่องมือสื่อสารที่มีหน้าจอประเภทต่าง ๆ ควร เพิ่มพฤติกรรมที่มีการเคลื่อนไหว ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องระหว่างช่วงเวลาที่เด็กตื่น เน้นการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ และ การควบคุมเวลาหน้าจออย่างเข้มงวด เพื่อพัฒนาการทั้งทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของเด็ก


          นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ ควรมีกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวหลายครั้งต่อวัน โดยเฉพาะการเล่นบนพื้น หากยังเคลื่อนไหวได้ไม่ดี ควรมีการนอนคว่ำแบบตะแคงหน้าอย่างน้อยครั้งละ 30 นาทีหลายครั้งต่อวัน ในช่วงเวลาที่ตื่น ไม่ควรให้นั่งนิ่ง ๆ หรือล็อกติดกับรถเข็นเด็กนานเกิน 1 ชั่วโมง นอนหลับรวม 14-17 ชั่วโมง ในเด็ก 0-3 เดือน และ 12-16 ชั่วโมง ในเด็ก 4-11 เดือน ไม่ควรใช้หน้าจออย่างเด็ดขาดทั้งโทรทัศน์และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่าง ๆ


          สำหรับเด็กอายุ 1-2 ขวบ ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 180 นาทีต่อวันหรือมากกว่า ไม่ควรให้นั่งนิ่ง ๆ หรือ ล็อกติดกับเก้าอี้หรือรถเข็นเด็กนานเกิน 1 ชั่วโมง ควรนอนหลับรวม 11-14 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ควรใช้หน้าจออย่างเด็ดขาดในเด็กอายุ 1 ขวบ สำหรับในเด็กอายุ 2 ขวบ ควรจำกัดเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน โดยยิ่งใช้เวลาหน้าจอน้อยยิ่งส่งผลดีต่อเด็ก และ เด็กอายุ 3-4 ขวบ ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 180 นาทีต่อวันหรือมากกว่า โดยเป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงานอย่างมากนานไม่ต่ำกว่า 60 นาที ไม่ควรให้นั่งนิ่ง ๆ หรือล็อกติดกับเก้าอี้หรือรถเข็นเด็กนานเกิน 1 ชั่วโมง ควรนอนหลับรวม 10-13 ชั่วโมงต่อวัน และควรจำกัดเวลาหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน


          การใช้เวลาอยู่หน้าจอของเด็กโดยปราศจากการควบคุมที่ดีของพ่อแม่ จะเกิดผลกระทบหลายประการ เช่น ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้าลง ผล กระทบต่อสุขภาพกาย เช่น สายตา หรือโรคอ้วน ทำให้อาการด้านสุขภาพจิตรุนแรงมากขึ้น เช่น สมาธิสั้น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า และยังสูญเสียโอกาสในการใช้เวลาเพื่อทำกิจกรรมทางสังคมอื่น ๆ การใช้เวลากับหน้าจอเป็นเวลานานยังเพิ่มโอกาสที่จะได้รับเนื้อหาที่รุนแรงง่ายขึ้น เช่น การถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ภาพความรุนแรง ภาพลามกอนาจาร ความเชื่อผิด ๆ ทางสังคม ดังนั้นเรื่องการใช้เวลาหน้าจอ ทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือ การดูโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือ แท็บเล็ต พ่อแม่ควรสร้างกติกา ทำข้อตกลงร่วมกันในครอบครัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแง่ระยะเวลาของการใช้งาน เนื้อหาที่เหมาะสม และการกำกับดูแล


          อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวอีกว่า ยิ่งใช้เวลาหน้าจอน้อยยิ่งส่งผลดีต่อเด็ก พ่อแม่จึงควรชักชวนให้ลูกเล่นมากขึ้นแทนการอยู่หน้าจอ การเล่นของเด็กจะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาความฉลาดทางปัญญา อารมณ์ และสังคมไปพร้อม ๆ กัน เน้นการส่งเสริมกระตุ้นให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น อ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้เด็กฟังในเด็กเล็ก เล่นบทบาทสมมุติโดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัว เล่นต่อเพลงหรือต่อนิทานคนละประโยค เล่นของเล่นอย่างอิสระ ออกไปสัมผัสธรรมชาติภายนอก นอกจากนั้น ควรฝึกให้ลูกรู้จักการสังเกต รู้จักตั้งคำถาม และคอยตอบคำถามของลูกด้วยความรักและความใส่ใจ ภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่นและปลอดภัยของครอบครัว


          การส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมทางสุขภาพที่ดี ควรทำตั้งแต่ในเด็กเล็ก เพื่อให้เกิดพฤติกรรมติดตัวที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต.

Shares:
QR Code :
QR Code