ขยะทองคำ บ้านแม่กุบูรพา จ.ตาก
ที่มาและภาพประกอบ : เว็บไซต์สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
สสส. จับมือชาวบ้านแม่กุบูรพา จ.ตาก เดินหน้าสานต่อโครงการ สุขภาพดีรอบตัวเรา ร่วมแก้ปัญหาวิกฤติขยะล้นเมือง จนกลายมาเป็น "แหล่งเรียนรู้ ขยะทองคำ" สร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
นายนิรัตน์ ศิริมา ผู้ใหญ่บ้านแม่กุบูรพา หมู่ที่ 11 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ร่วมกับชาวบ้านในเขตพื้นที่ เดินหน้าสานต่อโครงการ สุขภาพดีรอบตัวเรา ของ (สสส.) และเทศบาลตำบลแม่กุ ร่วมส่งเสริมพัฒนาความรู้ ทั้งทางด้านวิชาการและงบประมาณ เพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการขับเคลื่อน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างท้องถิ่น จนเป็นเครือข่าย ร่วมแก้ปัญหาวิกฤติขยะล้นเมือง โดยการจัดตั้งกลุ่มจัดการขยะ เพื่อสวัสดิการชุมชน ที่ได้ก่อตั้งขึ้น เมื่อ ปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 7 ปี จนกลายมาเป็น "แหล่งเรียนรู้ แม่กุบูรพา ขยะทองคำ" พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชุมชน
ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม ภายในชุมชนและหมู่บ้านได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ในเมืองใหญ่เท่านั้น ที่กำลังเผชิญกับวิกฤติขยะล้นเมือง แต่ "ขยะ" กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ สำหรับชุมชนด้วยปริมาณขยะ จากการอุปโภคบริโภคของผู้คน ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีขยะ ที่ย่อยสลายยาก ในปริมาณมาก ในขณะที่พื้นที่สำหรับทำเป็นบ่อฝังกลบขยะมีจำนวนจำกัด ทั้งยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นสกปรก เต็มไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษ กระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม
บทเรียนจากเมืองใหญ่ ทำให้ชาวบ้านแม่กุบูรพา หมู่ที่ 11 ตำบลแม่กุ ได้พยายามหาทาง จัดการปัญหาขยะในพื้นที่ ด้วยวิธีการและรูปแบบต่าง ๆ จนสามารถดำเนินการอย่างได้ผล ผ่านการจัดตั้งกลุ่มจัดการขยะ เพื่อสวัสดิการชุมชนจนกลายมาเป็น แหล่งเรียนรู้สร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันโครงการนี้กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้านและขยายไป โดยรอบตำบล ด้วยวิธีสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ซึ่งคนที่เข้าร่วมโครงการ มีแต่ได้กับได้ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากการนำขยะเปียก มาทำปุ๋ยหมัก นำขยะรีไซเคิล มาขายให้ธนาคารขยะ มีกองทุนขยะ และมีการสร้างมูลค่าเพิ่ม จากขยะที่ขายไม่ได้ นำมาประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และลดมลพิษจากการเผา รายได้ต่อเดือน ประมาณ 3 – 4 พันบาท จะนำเข้าบัญชีกลาง ธนาคารขยะชุมชนสามัคคี ฝากไว้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
เพื่อจัดตั้งเป็น "กองทุนสวัสดิการชุมชน" ช่วยเหลือกลุ่มสมาชิก ผู้เสียชีวิต ศพ ละ 500 บาท ซึ่งต่อไปในอนาคต จะช่วยเหลือครอบครัว กลุ่มสมาชิกที่มีการเกิด เจ็บ ตาย เคสละ 500 บาท อีกส่วนหนึ่งไว้เป็นกองทุนอุบัติเหตุ อุทกภัย วาตภัย งานด้านสาธารณกุศล ช่วยเหลือสังคม ชุมชนและหมู่บ้าน ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียนร้อย สวยงาม เพื่อฟื้นพลังชุมชนท้องถิ่น ผ่านอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ มุ่งสู่การสร้างเมืองไทยให้น่าอยู่ต่อไป