Happiness at no cost สุขได้..ไม่ต้อง’เดี๋ยว’
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ปีใหม่ทั้งที ใครๆ ก็อยากมีความสุข บางคนอาจคิดว่า ถ้าฉันรวยกว่านี้ ประสบความสำเร็จกว่านี้ ถ้ามีสุขภาพดี ชีวิตคงจะมีความสุข ขณะที่ บางคนอาจคิดแค่ว่า ขอแค่ปลดหนี้ได้หมดก็แฮปปี้แล้ว
แต่จะดีกว่าไหม? ถ้าชีวิตเราสามารถ มีความสุขได้แบบไม่ต้อง "เดี๋ยว" ไม่ต้องรอให้ชีวิตต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ แต่สามารถค้นเจอความสุขได้ทันที ณ จุดที่ยืนอยู่
"เส้นทางความสุข กับ Happiness Thailand" เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่จัดโดยศูนย์เรียนรู้ สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเปิดไอเดียใหม่ของเส้นทางการเข้าถึงความสุขแบบ Happiness at no cost ร่วมแชร์ มุมมองโดย "อ.เอเชีย" หรือ ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ผู้อำนวยการร่วมโครงการธนาคารจิตอาสา และโครงการความสุขประเทศไทย
ในมุมมองของด็อกเตอร์ด้านวิทยาศาสตร์ที่หันมาสนใจความสุขที่แท้จากภายใน มองว่า ทุกคนอยากได้ อยากมี ในสิ่งที่เรายังไม่มีและยังไม่เป็น ก็เพื่อให้มีความสุข แล้วเราก็มีความสุขแค่เดี๋ยวนั้น เดี๋ยวเดียวก็จบไป ทั้งที่การที่คนเราจะมีความสุขอย่างแท้จริงนั้น ไม่ได้ขึ้นกับรูปธรรม หรือการยึดโยงกับสิ่งของภายนอก
"ไม่ว่าใครก็มีความสุขได้ เพราะ จริงๆ แล้ว ความสุขที่แท้เป็นเรื่องของภายใน เป็นความสุขที่เราไม่ต้องใช้เงินทองมากมายในการซื้อหา หรือที่เรียกว่า Happiness at no cost แต่เป็นความสุขที่มันยั่งยืนที่อยู่ภายในใจซึ่งมีได้หลากหลายช่องทาง" อ.เอเชีย บอกเช่นนั้น
ความตั้งใจดีๆ ที่อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงให้คนไทยได้มีสุขภาวะทางปัญญา และเข้าถึงความสุขที่แท้จริงจากภายใน จึงเป็นที่มาของโครงการความสุขประเทศไทย หนึ่งในโครงการที่สสส.ร่วมกับธนาคารจิตอาสา จัดทำเว็บไซต์ happinessisthailand.com เปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงช่องทาง ความสุขที่หลากหลายในแบบตัวเอง
แบ่งออกเป็น 8 เส้นทางหลักๆ ประกอบด้วย การสัมผัสธรรมชาติ การเคลื่อนไหวทางกาย การทำงานศิลปะ การปฏิสัมพันธ์สื่อสาร การทำงาน การทำงานจิตอาสา การภาวนา และ การศึกษาเรียนรู้
เส้นทางที่ 1 : ความสุขจากการสัมผัสธรรมชาติ
ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติช่วยขัดเกลาใจคน เรื่องราวหนึ่งที่มักเล่าถึงกันบ่อยๆ คือ เรื่องเล่าของนักบินอวกาศ ยานอพอลโล 14 เอ็ดการ์ มิตเชล เมื่อ ยืนอยู่บนดวงจันทร์ แล้วมองกลับมาเห็นโลกทั้งใบเป็นหนึ่งเดียว เมื่อกลับมายังโลก มิตเชลกลายเป็นคนใหม่ มุมมองของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติ และเห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง ทำให้จิตใจเป็นอิสระ มีความสุข
"ความมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทำเราก้าวพ้นจากความจำกัด คับแคบที่เอาตัวเองเป็นตัวตั้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องดั้นด้นไปหาธรรมชาติสวยๆ ที่ไหน แต่หาได้จากธรรมชาติใกล้ตัว แค่เดินเล่น ในสวน หรือแม้แต่การรดน้ำปลูกผักใน คอนโดฯ รวมถึงทางเลือก อย่างเช่นการ เข้าคอร์สอบรมนิเวศน์ภาวนา ใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้ตัวเองโดยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ในป่า 24 ชั่วโมง เมื่อเราได้ปล่อยวาง ความคิด ให้เวลาร้อยเปอร์เซ็นต์กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือ หัวใจของการสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง"
เส้นทางที่ 2 : ความสุขจากการเคลื่อนไหวร่างกาย
แค่ขยับร่างกาย ความสุขก็สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายระดับ อ.เอเชีย อธิบายว่า ในเชิงกายภาพของร่างกาย แค่ออกกำลังกายจนได้เหงื่อก็มีความสุขแล้ว เพราะสมอง จะหลั่งหรือสารความสุขหรือเอ็นโดฟิน ออกมาโดยธรรมชาติ แต่จะได้ประโยชน์ยิ่งไปกว่านั้น หากเราสามารถบริหารกายไปพร้อมๆ กับบริหารจิต โดยรับรู้ผ่านการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การฝึกโยคะ ซึ่งเมื่อกายกับใจของเราเชื่อมใจจะเกิด ความสุขที่มากกว่าแค่การออกกำลังกายเฉยๆในทางศาสนาจึงมีการนำกิจกรรมทางกายเข้ามาเชื่อมโยงกับการดูแลใจ เช่น การเดินจงกรม การเดินวิถีแห่งสติของหมู่บ้านพลัม
เส้นทางที่ 3 : ความสุขจากศิลปะ หรืองานสร้างสรรค์
เอ่ยถึงศิลปะ หลายคนส่ายหน้า เพราะ กลัวทำได้ไม่สวย ทำได้ไม่ดี แต่จริงๆ แล้ว งานศิลปะที่จะพาเราไปถึงความสุข ไม่ใช่ศิลปะที่ต้องสวยงาม หรือสมบูรณ์แบบ แต่เป็นกิจกรรมที่พาเราไปสู่การรู้จักรู้ใจตนเอง ได้ใช้เวลาอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้มีแค่กิจกรรมวาดภาพ แต่ยังมีศิลปะการ ใช้ชีวิตหลายรูปแบบ ทั้งการร้องเพลง การทำอาหารแบบ Slow Food การเต้นรำ การจัดดอกไม้
"งานศิลปะจะช่วยพาเราออกจากความคิด ความกังวล กลับมาอยู่กับชั่วขณะปัจจุบัน ทำให้เราได้มองเห็น รู้จักและเข้าใจ ตนเองมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อดอกไม้แพงๆ เพื่อจัดดอกไม้ แต่สามารถเก็บเอาดอกไม้ใบหญ้าแถวบ้าน เป็นกระบวนการที่ทำให้เราได้มีทั้งกิจกรรมทางกาย รับรู้การเดินเข้าใจธรรมชาติของดอกไม้ในขณะที่จัด และ เมื่อจัดเสร็จแล้วมันสะท้อนถึงสิ่งที่กระทบใจของเราอย่างไรบ้าง" อ.เอเชีย ยกตัวอย่างกิจกรรมง่ายๆ เช่น การจัดดอกไม้ที่สามารถนำมาสู่การจัดใจคนได้
เส้นทางที่ 4 : การหาความสุขจาก การทำงาน
ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า การปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดอย่างเดียว แต่เราสามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกวันผ่านการทำงาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการทำงานที่ออฟฟิศ แม้แต่การทำงานบ้าน กวาดบ้าน ล้างจาน การหาความสุขจากการทำงาน จึงเป็นการหาความสุขจากการดำเนินชีวิตซึ่งเราสามารถเชื่อมโยงได้กับทุกกิจกรรม เมื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยการอยู่กับปัจจุบัน เราจะพบว่าความสุขสามารถเกิดขึ้นได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอ เมื่อทำงานด้วยปัญญา ทำงานด้วยความฉลาดด้วยความรู้เนื้อรู้ตัว
เส้นทางที่ 5 : ความสุขจากการมีปฏิสัมพันธ์สื่อสารกับผู้คน
การรับฟังเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาซึ่งนำไปสู่การสร้างความสุขภายในที่ลึกซึ้ง ทำอย่างไรที่ความสุขจะเกิดขึ้นได้ด้วยในบรรยากาศของการพูดคุยที่เต็มไปด้วยความคิดเห็นต่างๆ นานา บ่อยครั้งในวงสนทนาที่เรามักรู้สึกอึดอัด เพราะนึกถึงแต่เรื่องที่เราอยากจะพูด แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราสามารถนั่งอยู่ตรงนั้น โดยเปิดใจรับฟังคนอื่นๆ อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงคนอื่น บางทีเราอาจจะ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองอีกด้วย
"เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดจะพูด ใจเราอยู่กับความคิด แต่เมื่อเรากลับมารับฟังอย่างตั้งใจ ใจเราจะอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า" อ.เอเชีย กล่าว
เส้นทางที่ 6 : ความสุขจากการศึกษาเรียนรู้
ความสุข ไม่ได้เกิดจากการเรียนแค่เนื้อหาทักษะวิชาการ แต่คือการเรียนรู้ ที่มุ่งสู่การเข้าใจธรรมชาติภายในตัวเองของ มนุษย์ หรือที่เรียกกันว่า "จิตตปัญญาศึกษา" เป็นการศึกษาที่ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งเนื้อหานอกตัว ไปพร้อมๆ กับการรู้จัก รู้ใจตนเอง ซึ่งนำมาสู่ความสุข และเข้าใจคุณค่าของจิตวิญญาณในวิชาชีพนั้นๆ ด้วย
เส้นทางที่ 7 : ความสุขจากการภาวนา
พูดถึงการภาวนา หลายคนอาจนึกถึงแค่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ปัจจุบัน การภาวนามีรูปแบบที่หลากหลาย และสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย เพียงแต่ต้องหารูปแบบที่ใช่และถูกจริตกับตัวเอง เพราะธรรมชาติแต่ละคนมีวิถีที่ไม่เหมือนกัน บางคนเรียนรู้บางเรื่องเร็ว บางเรื่องช้า แต่ถ้า เมื่อไหร่ที่เราเลิกเรียนรู้ เราจะไม่มีทางไปถึงจุดหมายแน่นอน ดังนั้น จึงควรให้โอกาสตัวเองได้เข้าลองทำดูก่อน การภาวนายังถือเป็นช่องทางตรงที่ทำให้เรากลับมาอยู่ในปัจจุบันขณะ ได้รู้จักตัวเอง เข้าถึงความสุขภายในได้ดีที่สุด
เส้นทางที่ 8 : ความสุขจากงานจิตอาสา
มีงานวิจัยว่า 1 ใน 3 ปัจจัยที่ทำให้ คนเรามีความสุขอย่างแท้จริง คือ การได้ทำอะไรเพื่อผู้อื่น งานจิตอาสาจึงเป็นอีกช่องทางการเข้าถึงความสุขง่ายๆ สำหรับคนทุกเพศทุกวัย บางคนรู้สึกรักหมาแมว บางคนรักสิ่งแวดล้อม บางคนชอบดูแลคนแก่ การได้ทำงานอาสาที่ยึดโยงกับเรื่องที่เรารู้สึกแคร์ ช่วยสร้างความคุณค่า รู้สึกมีความสุข โดย อ.เอเชีย เล่าว่า ธนาคารจิตอาสาเป็นช่องทางหนึ่งที่เราทำขึ้นมาเป็นวันสต็อปเซอร์วิสด้านงานอาสาผ่านเว็บไซต์ ซึ่งปีที่ผ่านมา มีกิจกรรมกว่า 900 งาน โดยมีคนมาฝากเวลาอาสาไว้รวมกัน 2 ล้านกว่าชั่วโมง
"เราอยากชี้ให้เห็นว่า การทำงานอาสาไม่ใช่งานยากๆ ที่ต้องออกแรงเสมอไป แต่มีงานหลากหลาย มีทั้งงานง่ายๆ ซึ่ง บางกิจกรรมใช้เวลาว่างเพียงแค่ชั่วโมงเดียว บางกิจกรรมสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย"
อ.เอเชีย บอกว่า ทั้ง 8 เส้นทาง ความสุขที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีที่จะ ช่วยให้เราได้ฝึกฝน ขัดเกลาตนเอง โดยการ กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ได้กลับมารู้จักและเข้าใจตนเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่นำมาสู่ความสุขจากภายใน
"ความสุขเป็นเรื่องที่แปลก เมื่อไหร่ก็ตามที่เราอยากได้ความสุข เราจะเกิดความทุกข์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราปล่อยวางความต้องการที่อยากจะมีความสุข เมื่อนั้นเราจะเข้าถึงความสุขได้ง่ายขึ้น ความสุขจะเกิดขึ้นมาในใจของเราเอง"
นักวิทยาศาสตร์ที่กลายมาเป็นผู้สนใจเรื่องความสุขจากภายใน ฝากทิ้งท้ายให้แง่คิดว่า ทุกวันนี้ โลกเต็มไปด้วยวิชาการมากมาย มีเทคโนโลยี มีสินค้า มีความบันเทิงมากมาย แต่คนมากมายก็ยังมี ความทุกข์อยู่ เวลาที่คนเรารู้สึกไม่มั่นคงภายในใจ เรามักจะกลายเป็นพวกยึดติดกับวัตถุมากขึ้น ต้องซื้อข้าวของ ต้องอยากมี อยากเป็น มากขึ้น
"ผมมองว่า ถ้าเรามัวแต่ตอบสนองด้านซัพพลาย ต่อให้มีเท่าไหร่ก็คงไม่พอ แต่หากเรากลับมาทำความรู้จักเข้าใจตนเอง อยู่กับปัจจุบัน ผมเชื่อว่านี่จะเป็นวิถีทางที่ทำให้มนุษย์เข้าถึงความสุข ที่แท้จริงได้ และจะสามารถแก้ไขปัญหาของโลกใบนี้ได้"
"ไม่ว่าใครก็มีความสุขได้ เพราะจริงๆ แล้ว ความสุขที่แท้เป็นเรื่องของภายในเป็นความสุขที่เราไม่ต้องใช้เงินทองมากมายในการซื้อหา