Greenery Trip 01 ผจญภัยในสวนอินทรีย์
ที่มา : เว็บไซต์ Greenery
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ Greenery
ลุยสวนไปพบอาหารปลอดภัยถึงต้นทาง กับ Greenery Trip 01 ผจญภัยในสวนอินทรีย์
เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารปลอดภัย เชื่อว่าคนเมืองหลายคนคงเคยลองชิมอาหารออร์แกนิก เดินตลาดนัดสุขภาพ หรือเคยหัดปลูกผักสลัดสักต้นในกระถาง แต่นอกจากนี้ อีกหนทางที่จะขยับเข้าใกล้เรื่องอาหารดีได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยคือ การลุยเข้าไปเรียนรู้ถึงแหล่งผลิตของจริง
เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เราจึงตื่นแต่เช้าตรู่ไปร่วม Greenery Trip 01 ผจญภัยในสวนอินทรีย์ ทริปที่ชวนไปเรียนรู้เรื่องอาหารปลอดภัยถึงฟาร์มถึงสวนในจังหวัดนครปฐม ซึ่งจัดโดย Greenery และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.
อาหารดีๆ โผล่มาทักตั้งแต่จุดลงทะเบียน เพราะมื้อเช้าที่ทีมงานแจกให้เราคือ ‘เบอร์เกอร์ข้าวเหนียวไก่ซอสญี่ปุ่นโฮมเมด’ แสนอร่อยในห่อใบตอง ที่พี่น้อยหน่า-ดลชนก นิธิภาคยวดี เจ้าของร้านรสไทยไทย บรรจงคัดสรรให้ทุกส่วนผสมปลอดภัย ตั้งแต่ข้าวเหนียว 2 สี ซึ่งสีขาวมาจากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มการผลิตแปรรูปอินทรีย์ที่ร้อยเอ็ด ส่วนสีแดงที่เราเรียกกันว่าข้าวเหนียวก่ำมาจากกลุ่มกสิกรรมธรรมชาติสองสลึงของระยอง เนื้อไก่จากไก่เลี้ยงด้วยสมุนไพร ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ผักสดใหม่ที่มีทั้งใบอ่อมแซบจากสวนหลังบ้านและผักจากวังรีคลีน จนถึงซอสโมมิทาเระโฮมเมดที่ไร้สารกันบูด สี กลิ่นสังเคราะห์ และผงชูรส นอกจากนี้ ทีมงานยังแถม ‘งาบาร์’ ของว่างสุขภาพที่ทำจากงาขาว งาดำ และงาขี้ม้อน คลุกเคล้ากับดอกเกลือและน้ำผึ้งธรรมชาติแล้วอัดแท่งกลายเป็นขนมเคี้ยวเพลินมาด้วย
เราหอบเมนูน่ากินเหล่านี้ขึ้นรถตู้ แล้วก็กินดี อยู่ดี อารมณ์ดี ไปตลอดทางจนถึงที่หมาย ณ จังหวัดนครปฐม
เรียนรู้ เก็บกินที่ฟาร์มออร์แกนิกริมน้ำ
ลมเย็นสดชื่นจากแม่น้ำท่าจีนพัดมาต้อนรับพวกเราที่มาถึงหมายแรกคือ ‘สวนสามพราน’ โรงแรมริมแม่น้ำเก่าแก่ของนครปฐม ครั้งนี้เราไม่ได้มาพักผ่อนหย่อนใจในโรงแรม แต่มาซึมซับวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ฟาร์มอินทรีย์ของโรงแรมซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งน้ำ
หลังนั่งเรือข้ามฟากไม่กี่นาที เราก็มาถึงพื้นที่ขนาด 40 ไร่ที่มีชื่อว่า ‘ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์ม’ คุณพศิน ทองบ่อ วิทยากรผู้นำชม เล่าว่า ที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินเก่าแก่ของโรงแรม แต่เพิ่งพลิกฟื้นกลายมาเป็นฟาร์มอินทรีย์จริงจังเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว โดยคุณอรุษ นวราช ทายาทโรงแรมผู้ก่อตั้งโครงการ ‘สามพรานโมเดล’ โมเดลธุรกิจยั่งยืนที่รับซื้อผลผลิตอินทรีย์จากเกษตรกรภายใต้เงื่อนไขเป็นธรรม รวมถึงจัดหาช่องทางขายผลผลิต
ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์มผลิตอาหารปลอดภัยให้ทั้งในและนอกโรงแรมภายใต้มาตรฐานสากลอย่าง IFOAM โดยแบ่งพื้นที่เป็นหลายส่วน เช่น แปลงผัก สวนผลไม้ และบ่อบัว คุณพศินบอกเราว่า หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนคือเหล่าพนักงานแทบไม่มีใครป่วยเลยตั้งแต่หันมาทำเกษตรอินทรีย์
“ทำเกษตรเคมีเหนื่อยน้อยกว่า แต่ตายเร็วกว่า แค่นั้นเอง” คุณพศินกล่าว
หลังแนะนำฟาร์มพอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาผจญภายในสวนอินทรีย์ของจริง เราและชาวทริปไม่ได้เดินเข้าไปมือเปล่า แต่มีตะกร้าคล้องแขนเพราะจะต้องเก็บผักอินทรีย์แล้วไปโชว์ทักษะทำอาหารมื้อกลางวัน ความพิเศษคือเส้นทางที่เราได้เดินไปเก็บผักกันนี้เพิ่งเปิดให้เดินใหม่หมาด เมื่อพ้นช่วงหมู่ไม้เขียวขจี เราก็ได้เจอแปลงผักอินทรีย์สารพัดชนิด พบของที่หลายคนอาจยังไม่เคยชิมอย่างผักโขมแดงและดอกชมพู่มะเหมี่ยวที่เอาไปทำยำได้ นอกจากนี้ เรายังได้บุกเล้าเป็ดไปเก็บไข่เป็ดสดใหม่มาเสริมทัพ
แล้วเมื่อเก็บผักเก็บไข่กันจนพอใจ เราก็ไปวางวัตถุดิบไว้ในส่วนทำอาหารก่อนจะไปร่วมอีกกิจกรรมน่าสนุก นั่นคือการหัดทำไข่เค็ม ที่บอกเลยว่าต่างจากสมัยเราทำกันตอนชั้นประถม
หยิบไข่สดใหม่มาทำให้เค็มแบบไม่ง้อน้ำเกลือ
หลายคนอาจเคยทำไข่เค็มด้วยการดองน้ำเกลือ แต่รอบนี้เราได้หัดทำไข่เค็มแบบพอกโคลน ที่สำคัญคือเป็นไข่เค็มโซเดียมต่ำ เพราะเราใช้ความเค็มจากดอกเกลือที่เค็มน้อยกว่าเกลือปกติ
วิธีทำที่คุณพศินสอนคือใช้โคลนดี 1 กิโลกรัม (โคลนรอบนี้มาจากนาออร์แกนิกของปฐมฯ แต่ถ้าใครอยากทำเอง ให้เลือกที่เหนียวที่สุด ไม่มีกลิ่น ถ้าเป็นดินเหลืองของชั้นดินล่างสุดจะดี) มาผสมกับดอกเกลือครึ่งกิโลกรัม จากนั้นจุ่มมือในน้ำเพื่อป้องกันโคลนติดมือ หยิบไข่เป็ดสดใหม่มาพอกโคลนบางๆ เพราะพอกยิ่งหนาจะยิ่งเค็ม แล้วเอาไปคลุกแกลบดำ (หรือจะใช้รำบดหยาบก็ได้) โดยโคลนกับแกลบจะช่วยรักษาความชื้นในไข่
เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ เราและชาวทริปทยอยส่งไข่ที่พอกโคลนเรียบร้อยให้น้องๆ ทีมงานของฟาร์มเอาไปใส่ชะลอมสานสวยๆ ให้ คุณพศินบอกว่าให้เอาไข่ไปเก็บไว้ในที่ร่ม ใครอยากกินไข่ดาวเค็มให้นับไปอีก 7 วัน ส่วนใครอยากกินไข่เค็มปกติให้อดใจรอจนถึง 15 วันนะ