‘Gen-Z ไม่สูบ’ สกัดคนรุ่นใหม่ก้าวสู่ทาสบุหรี่

ที่มา : ไทยโพสต์ 


เชื่อว่าทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคต่างๆ มากมาย และทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การสูบบุหรี่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกถึง 6 ล้านคนต่อปี 


'Gen-Z ไม่สูบ' สกัดคนรุ่นใหม่ก้าวสู่ทาสบุหรี่ thaihealth


แฟ้มภาพ


ขณะที่ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 50,710 คน หรือโดยเฉลี่ย 1 คน ในทุก 10 นาที หากเรายังคงปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่ ซึ่งในขณะนี้ก็คือเด็ก GEN Z ก้าวเข้ามาในวงจรของบุหรี่ พวกเขาเหล่านี้ก็จะตกเป็นทาสไปตลอดชีวิต


การสกัดเด็กเยาวชนไม่ให้เข้าสู่วงจรของการเสพบุหรี่จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทุกฝ่ายในสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัว "Gen Z ไม่สูบบุหรี่" เพื่อประกาศเจตนารมณ์ปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากการเสพติดบุหรี่ ณ ห้องประชุมสยามมกุฎราชกุมาร ห้องพัชรกิติยาภา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ


ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า เนื่องจากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ลดลงค่อนข้างช้า เพราะเด็กไทยเข้ามาเป็นนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะฤทธิ์ของนิโคตินมีอำนาจเสพติดเท่ากับเฮโรอีน ที่สำคัญบุหรี่เป็นสินค้าชนิดเดียวที่ฆ่าผู้บริโภคของตัวเอง ฉะนั้นการลดนักสูบบุหรี่หน้าใหม่จะช่วยหยุดวงจรการสูบ, การป่วย และการเสียชีวิตจากบุหรี่ได้ดีกว่า เพราะเมื่อเด็กติดแล้ว มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถเลิกได้ ดังนั้นการที่พวกเราทุกฝ่ายให้ความสำคัญต่อการที่จะปกป้องเด็กไทยจากการสูบบุหรี่ ถือเป็นการให้ความสำคัญของเยาวชนต่อการพัฒนาประเทศชาติและสังคมเช่นกัน


นางสาวบังอร ฤทธิภักดี กรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เพราะผู้ที่ติดบุหรี่โดยส่วนใหญ่เริ่มสูบก่อนอายุ 19 ปี โดยเด็กGen Z เป็นผู้ที่เกิดระหว่างปี 2538-2552 หรือผู้ที่มีอายุระหว่าง 7-20 ปี ในปี 2559 นี้ ดังนั้นหากเราสามารถช่วยป้องกันเด็กอายุต่ำกว่า 19 ปี ไม่ให้เริ่มสูบบุหรี่ ก็จะเป็นการหยุดการเติมนักสูบบุหรี่ และหยุดการเติมนักสูบบุหรี่หน้าใหม่เข้าสู่วงจรการสูบ การป่วย และการตายจากบุหรี่ เนื่องจากเยาวชนเหล่านี้เป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัทผู้จำหน่ายบุหรี่


ดังนั้น เราต้องป้องกันให้ถูกช่องทางด้วยการใช้เครื่องมือให้ถูกต้องเหมาะสมกับวัยของเด็ก อาทิ การใช้ Social Media เป็นสื่อในการรณรงค์และป้องกันการสูบบุหรี่ เนื่องจากเยาวชน Gen Z เป็นวัยที่ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีและ Social Media อยู่เสมอ เพราะทุกคนมี Smart Phone ขณะที่ในส่วนของโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ที่เยาวชนรวมกลุ่มกัน ครูต้องมีส่วนสำคัญในการให้ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ รวมทั้งรณรงค์และป้องกันการสูบบุหรี่ในโรงเรียนด้วยเช่นกัน รวมไปถึงครอบครัวก็ต้องช่วยกันทำให้บ้านปลอดบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ให้เด็กๆ เห็น พร้อมทั้งปกป้องและส่งเสริมให้ลูกหลานเราเป็น Gen Z ที่ไม่สูบ


ด้าน ผศ.นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เยาวชนมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาประเทศชาติและสังคม ประเทศจะเจริญก้าวหน้าได้หากเยาวชนในประเทศมีความเข้มแข็งในทุกๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขภาพ หากเยาวชนตกเป็นทาสของการเสพติดบุหรี่แล้ว ก็จะเป้นด่านแรกไปสู่การเสพติดและอบายมุขที่ร้ายแรงชนิดอื่นๆ ด้วย


กระทรวงศึกษาธิการเองมีนโยบายสนับสนุนการป้องกันและปกป้องเยาวชนของชาติดเรื่องการเสพติดบุหรี่โดยการกำหนดให้สถาบันศึกษาทุกระดับปฏิบัติดังนี้


1.ห้ามมิให้หน่วยงาน สถานศึกษาเข้าร่วมกิจ "หรือรับการสนับสนุนใดๆ จากผู้ประกอบธุรกิจยาสูบ 2.ให้สถานศึกษาต้องบรรจุโรคเกี่ยวกับบุหรี่ไว้ในหลักสูตรการเรียน 3.ให้สถานศึกษาทุกแห่งติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษาและห้ามมิให้มีการสูบบุหรี่ในสถานศึกษา ตลอดจนกำชับให้นักเรียน นักศึกษา ห้ามสูบบุหรี่ขณะอยู่ในเครื่องแบบนักเรียน 4.ให้ผู้บริหารการศึกษา ครู อาจารย์ ตลอดจนบุคลากรในสถานศึกษา ควรประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีโดยการเลิกสูบบุหรี่ และ 5.ให้การสนับสนุนงบประมาณในการผลิตสื่อนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อการเรียนรู้ด้านพิษภัยจากบุหรี่


"โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กเป็นแหล่งเรียนรู้ พัฒนาทุกๆ ด้านให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดีได้ตามที่คาดหวัง ดังนั้น โรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการจึงเป็นอีกปัจจัยที่เสริมหนุนเด็กและเยาวชน Gen Z เติบโตขึ้นในสังคมคุณภาพที่ปลอดจากควันบุหรี่" 


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code