Page 100 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 100
มาตรา ๖๑ บัญญัติ ว่า “รัฐต้องจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครอง และ
พิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการรู้ข้อมูลที่เป็นจริง ด้านความปลอดภัย ด้านความ
เป็นธรรมในการท�าสัญญา หรือด้านอื่นใดอันเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค”
บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญดังกล่าว จะเป็นแนวทางส�าคัญในการพัฒนาสิทธิของผู้บริโภค และ
สนับสนุนการพัฒนาบทบาทของผู้บริโภคในระบบคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศไทยต่อไป
98 ๓.๓ สภาพปัญหาและผลกระทบจากการดื้อยาต้านจุลชีพ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การดื้อยาต้านจุลชีพ (antimicrobial resistance) ของเชื้อแบคทีเรีย
ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท�าให้ยาต้านจุลชีพที่ในอดีตเคยใช้ได้ผล
กลับใช้ไม่ได้ผลแล้วในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมยาทั่วโลกไม่มีการวิจัยและพัฒนาหรือค้นคิดยา
ต้านจุลชีพชนิดใหม่เพื่อต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียดื้อยา สถานการณ์เช่นนี้ท�าให้ทุกประเทศทั่วโลกก�าลังเข้าสู่
‘ยุคหลังยาปฏิชีวนะ (post-antibiotic era)’ ที่การเจ็บป่วยจากการติดเชื้อแบคทีเรียเพียงเล็กน้อยอาจเป็น
อันตรายถึงชีวิตได้
ผลกระทบจากการดื้อยาต้านจุลชีพพบว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยาราวปีละ
๗๐๐,๐๐๐ คน และหากไม่เร่งแก้ไขปัญหา ในปี ๒๕๙๓ (อีก ๓๔ ปีข้างหน้า) คาดว่าการเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา
จะสูงถึง ๑๐ ล้านคน ประเทศในแถบเอเชียจะมีคนเสียชีวิตมากที่สุด คือ ๔.๗ ล้านคน คิดเป็นผลกระทบ
ทางเศรษฐกิจสูงถึง ๓.๕ พันล้านล้านบาท (100 trillion USD) ส�าหรับประเทศไทยการศึกษาเบื้องต้นพบว่า
แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
มีการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาประมาณปีละ ๘๘,๐๐๐ ราย โดยเสียชีวิตประมาณปีละ ๓๘,๐๐๐ ราย คิดเป็น
การสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมสูงถึงปีละ ๔.๒ หมื่นล้านบาท ๖๕
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการใช้ยาต้านจุลชีพในการรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังมีการใช้ยาต้านจุลชีพในวงกว้าง
และการก�าจัดยาต้านจุลชีพอย่างไม่ถูกวิธีอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยเช่นกัน ผลการส�ารวจ
แหล่งน�้านิ่งของฟาร์มหมู พบเชื้อดื้อยาสูงกว่าตัวอย่างน�้าจากล�าคลองและน�้าจากบ่อเลี้ยงกุ้งและบ่อเลี้ยง
ปลา นอกจากนี้ พบว่ามีการน�ายาต้านจุลชีพไปใช้ในการรักษาโรคพืช เช่น โรคกรีนนิ่งในพืชตระกูลส้ม (Citrus
greening disease) ทั้งนี้ในปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลและยังไม่มีการประเมินความเสี่ยงหรือ
ผลกระทบของการใช้ยาต้านจุลชีพในวงกว้าง รวมทั้งยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการก�าจัดยาต้านจุลชีพก่อนออกสู่
สิ่งแวดล้อม ที่อาจส่งผลกระทบย้อนกลับมายังสุขภาพคนและสัตว์
๓.๔ แผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ ๖๖
จากสถานการณ์ปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน คณะกรรมการประสาน
และบูรณาการการดื้อยาต้านจุลชีพ ได้จัดท�าแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ มีเป้าประสงค์
ที่ต้องการบรรลุภายในปี ๒๕๖๔ คือ (๑)การป่วยจากเชื้อดื้อยาลดลงร้อยละ ๕๐ (๒) การใช้ยาต้านจุลชีพส�าหรับ
มนุษย์และสัตว์ลดลงร้อยละ ๒๐ และ ๓๐ ตามล�าดับ (๓) ประชาชนมีความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาและตระหนักในการ
๖๕ ภาณุมาศ ภูมาศ, ตวงรัตน์ โพธะ, วิษณุ ธรรมลิขิตกุล, อาทร ริ้วไพบูลย์, ภูษิต ประคองสาย, สุพล ลิมวัฒนานนท์.ผลกระทบด้านสุขภาพและ
เศรษฐศาสตร์จากการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทย: การศึกษาเบื้องต้น.วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข. 2555;6(3):352 - 360.
(อ้างอิงใน แผนยุทธศาสตร์การจัดการ การดื้อยาต้านจุลชีพแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔)
๖๖ แผนยุทธศาสตร์การจัดการ การดื้อยาต้านจุลชีพแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔