8 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข

เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th


ที่มา : 1. เผยแพร่โดย Sook Pulbishing


2. คู่มือการอบรมการดูแลผู้สูงอายุ 32 ชั่วโมง โดยงานผู้สูงอายุ ศุนย์อนามัยที่ 2 สระบุรี กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข


3. คู่มือการอบรมการดูแลผู้สูงอายุ 18 ชั่วโมง โดยงานผู้สูงอายุ ศุนย์อนามัยที่ 2 สระบุรี กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข


8 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข thaihealth


ก่อนที่จะก้าวเข้าวัยสูงอายุ คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็น ลูกๆ หลานๆ หรือแม่แต่กระทั่งผู้สูงอายุเองควรจะรับมือกับอารมณ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง และเตรียมตัวเข้าสู่วัยสุงอายุอย่างมีความสุข ทางศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้รวบรวมความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุมาเผยแพร่ และให้ความสำคัญด้านสุขภาวะของผู้สูงอายุอีกด้วย


เช็คอารมณ์ผู้สูงอายุ


ด้วยอายุร่างกายที่ค่อยๆ เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ทำให้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ดังนั้นเรามาสำรวจอารมณ์ของผู้สูงอายุ และทำความเข้าใจกับสาเหตุของอารมณ์นั้นๆ กันค่ะ


8 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข thaihealth1.อารมณ์เหงาและว้าเหว่ :  คนวัยนี้มีเวลาว่างจากอาชีพการงานที่เคยทำ นอกจากนี้ยังมีภาวะร่างกายเสื่อม เช่น สายตาไม่ดี หูไม่ดี กิจกรรมที่ทำจึงมีข้อจำกัด อารมณ์เหงาของผู้สูงอายุมักมีอารมณ์อื่นร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า เบื่ออาหาร โรคภัยไข้เจ็บ


2. ย้อนคิดถึงความหลัง : ผู้สูงอายุมักคิดอะไรเงียบๆ บอกเล่าความหลังให้คนอื่นฟัง รวมทั้งกลับไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย เพราะการย้อนอดีตนั้นเป็นการทบทวนการกระทำที่ผ่านมาว่าได้ทำสิ่งๆ นั้นดีแล้วหรือยัง


3.อารมณ์เศร้าจากการพลัดพราก : การสูญเสียคนที่รักมักจะมีอารมณ์ด้านลบเข้ามาประกอบด้วยเสมอ เช่น ว้าเหว่ เลื่อนลอย หลงลืม และปล่อยให้ตัวเองอยู่กับอารมณ์เหล่านั้นนานๆ จนบางทีผู้สูงอายุอาจจะทรุดลงได้


4. วิตกกังวล : ความรู้สึกที่ต้องพึ่งลูกหลาน ทำให้ผู้สูงวัยขาดความมั่นใจ ขาดความสารถ กลัวต่างๆ นาๆ และกลัวการไม่ได้รับการเอาใจใส่ ทำให้ อ่อนแรง ไร้เรี่ยวแรง รวมถึงเบื่ออาหารด้วย


5.โกรธ :  ผู้สูงอายุจะมีความรู้สึกโกรธ เมื่อมีความขัดแย้งและลูกหลานไม่ยอมรับความคิดเห็น


6. กลัวถูกทอดทิ้ง : เนื่องจากช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง ทำสิ่งที่เคยทำอย่างคล่องแคล่วได้ลำบากขึ้น จึงมักกลัวการพึ่งลูกหลานมากเกินไป จนเกิดความรำคาญและทอดทิ้งตน


7.ขี้น้อยใจ : คิดว่าตัวเองไร้ค่าและลูกหลานไม่ใส่ใจ


8.หงุดหงิด : เนื่องจากความเสือมของร่างกาย ทำให้ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง ใครทำอะไรก็ไม่ถูกใจ เลยมักจู้จี้ขี้บ่น


 8 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข


1.ผู้สูงอายุควรรู้จักโอนอ่อนผ่อนตามความเห็นของลูกหลาน มีความคิดที่ยืดหยุ่นว่าจะอยู่กับคนในครอบครัวอย่างไรและเกิดความขัดแย้งน้อยที่สุด


2.ผู้สูงอายุทำใจตระหนักได้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา8 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข thaihealth


3.ควรมองชีวิตตนเองในทางที่ดี ภูมิใจที่เป็นที่พึ่งพิงให้แก่ผู้อ่อนวัย


4. เมื่อมีความกังวลต่างๆ ควรปรึกษาพูดคุยกับใคนใกล้ชิด เพื่อได้ระบายอารมณ์ความรู้สึก


5.พยายามหากิจหรรมหรืองานอดิเรกที่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน และมีคุณค่าทางจิตใจ


6.เข้าสังคมพบปะสังสรรค์กับผู้อื่นเพื่อพูดคุยปรับทุกข์


7.ยึดศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ เช่น สวดมนต์ เข้าวัด


8.หมั่นทำจิตใจให้เบิกบานอยู่เสมอ ไม่เครียด ไม่จู้จี้


9 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้ดูแลผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข


1.ต้องปรับตนเอง ด้วยการปรับใจปรับความคิด ยอมรับการเปลียนเปลงที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ


8 หนทางสู่การเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ ที่มีความสุข thaihealth2.ปรับกิจวัตรประจำวันของตนให้เหมาะกับผู้สูงอายุ


3.เอาใจใส่ดูแลผู้สูงอายุด้วยความรัก เช่น การไปเยี่ยมบ่อยๆ การโอบกอด หรือรับฟัง


4.ให้เกียรติรวมถึงให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ เช่น คอยถามไถ่เรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่


5.ให้ผู้สูงอายุช่วยอบรมลูกหลาน หรือดูแลกิจการในลบ้านเท่าที่ทำได้


6.หมั่นสร้างบรรยากาศที่ทำให้เกิดอารมณ์ขัน


7.อย่าทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าเขาเป็นภาระของคุณ


8.เมื่อผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อย เหรือเบื่อ ให้หาเวลาผ่อนคลายบ้าง


9.ให้เวลาผู้สูงอายุในการปรับตัวหลายๆ สิ่ง


หากผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจแล้ว อาจนำไปสู่โรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ สมองเสื่อมได้ และเมื่อทั้งผู้สูงอายุและผู้ดูแลปรับตัวเข้าหากันได้ดีก็จะส่งผลดี ก่อให้เกิดความสบายใจ ผ่อนคลาย และให้ความรู้สึกสุขใจทั้งผู้สูงอายุและผู้ดูแล…


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ