7พฤติกรรมเสี่ยง สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน

 ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า


 7พฤติกรรมเสี่ยง สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน thaihealth


แฟ้มภาพ


          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เตือนกิจกรรมที่ทำให้ผู้ขับขี่ขาดสมาธิในขณะขับรถ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการคุยโทรศัพท์มือถือ ใช้โทรศัพท์มือถือ รับประทานอาหาร แต่งหน้า ค้นหาหรือหยิบสิ่งของ ดูโทรทัศน์ พร้อมแนะผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรม หรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องละสายตาจากเส้นทาง เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที


          นายชยพล ธิติศักดิ์อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)กล่าวว่า สมาธิและความพร้อมของผู้ขับขี่นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง โดยผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมที่ทำให้ขาดสมาธิในขณะขับรถ เพราะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง การตัดสินใจแก้ไขเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้าช้ากว่าปกติจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัย


          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ขอเตือนกิจกรรม ที่ทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ ดังนี้


          1.คุยโทรศัพท์มือถือสมาธิของผู้ขับขี่จะอยู่กับบทสนทนาทางโทรศัพท์ จึงส่งผลต่อความสนใจสภาพแวดล้อมบนเส้นทาง ไม่สามารถจดจำรายละเอียดเส้นทาง ป้ายจราจร และป้ายบอกทางได้ โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ใช้มือถือโทรศัพท์ จะเหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทันท่วงที ซึ่งการสนทนาทางโทรศัพท์โดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริม ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 5 เท่าใช้โทรศัพท์มือถือผู้ขับขี่ต้องก้มหน้าดูโทรศัพท์ พร้อมใช้ปลายนิ้วสัมผัสเพื่อเลื่อนหน้าจอ พิมพ์ข้อความสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์ ทำให้ต้องละสายตาจากเส้นทาง แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ซึ่งการพิมพ์หรืออ่านข้อความทางโทรศัพท์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 23 เท่า


        2.  รับประทานอาหารแม้จะเป็นขนมขบเคี้ยวก็ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิได้ เนื่องจากผู้ขับขี่จะเหลือมือ จับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว ประกอบกับความมันของอาหารและมือที่เปื้อนเศษอาหาร ทำให้จับพวงมาลัยไม่ถนัด จึงส่งผลต่อการบังคับทิศทางและประสิทธิภาพในการขับรถ


         3. แต่งหน้าสุภาพสตรีมักแต่งหน้าหรือหวีผมในช่วงที่สภาพการจราจรติดขัด หรือรถจอดติดสัญญาณไฟ หากเผลอปล่อยเท้าจากแป้นเบรก จะพุ่งชนรถคันหน้า ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ค้นหาหรือหยิบสิ่งของผู้ขับขี่ต้องเอื้อมมือ และเอี้ยวตัว รวมถึงละสายตาจากเส้นทาง เพื่อค้นหาหรือหยิบสิ่งของในห้องโดยสาร โดยเฉพาะช่วงที่การจราจรติดขัด หรือรถจอดติดสัญญาณไฟ หากเผลอปล่อยเท้าจากแป้นเบรก อาจพุ่งชนรถคันหน้า ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งการค้นหาหรือ หยิบสิ่งของในขณะขับรถ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 0.5 เท่า


         4. ดูโทรทัศน์แสงสว่าง เสียง และภาพที่เคลื่อนไหว จะดึงดูดผู้ขับขี่ให้ละสายตาจากเส้นทาง ถึงแม้ผู้ขับขี่จะไม่ได้ดูโทรทัศน์ แต่การเปลี่ยนช่องปรับเพิ่มหรือลดเสียง จะรบกวนสมาธิในการขับรถของผู้ขับขี่ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ


        5. ฟังเพลงการเปิดเพลงจังหวะเร็วๆอาจรบกวนสมาธิในการขับรถ อีกทั้งการเปิดเพลงเสียงดังยังทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกรถ หากเกิดสิ่งผิดปกติกับรถ หรือผู้ขับขี่รถคันอื่นบีบแตรส่งสัญญาณเตือนจะไม่สามารถแก้ไขเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที


          6.พาเด็กโดยสารรถตามลำพังโดยเฉพาะเด็กเล็กอาจปีนป่ายหรือรื้อค้นสิ่งของภายในรถ ทำให้ผู้ขับขี่ต้องละสายตาจากเส้นทาง พะวงกับการดูแลและสังเกตพฤติกรรมเด็ก จึงส่งผลต่อสมาธิในการขับรถ ซึ่งการนำเด็กเล็กโดยสารรถตามลำพัง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 4 เท่า


         7.อุ้มเด็กนั่งตักขณะขับรถทำให้ผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยไม่ถนัด อีกทั้งเด็กอาจนั่งบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง โดยเฉพาะหากเด็กแย่งพวงมาลัย หรือเลื่อนเกียร์ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ซึ่งการนำเด็กทารกโดยสารรถ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 8 เท่า


          ทั้งนี้ผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรม หรือใช้อุปกรณ์ที่ต้องละสายตาจากเส้นทาง ปล่อยมือจากพวงมาลัย แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code