‘4 ลด’ ห่างไกลโรคฉี่หนู
ที่มา : มติชนออนไลน์
แฟ้มภาพ
คร.เผย 7 เดือน มีผู้ป่วยโรคฉี่หนู เสียชีวิตแล้ว 16 ราย แนะ '4 ลด' แนวทางให้ประชาชนปฎิบัติห่างไกลโรคฉี่หนู
นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการประชุมวิชาการโรคเลปโตสไปโรสิส (โรคฉี่หนู)ประจำปี2559ในหัวข้อ “Zero Death in Leptospirosis: How?” ว่า โรคเลปโตสไปโรสิส หรือ โรคฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน และเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศไทยมาเป็นเวลานาน มีสัตว์หลายชนิดเป็นสัตว์รังโรค เช่น หนู โค กระบือ สุกรสุนัข แมว เป็นต้น แต่หนูเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญ เพราะเชื้อโรคที่อยู่ในฉี่หนูจะปนเปื้อนอยู่ในน้ำ และอยู่ในดินโคลนชื้นแฉะ เชื้อจะเข้าทางแผล รอยผิวหนังถลอก หรือผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ กลุ่มเสี่ยงสำคัญ เช่น ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ เกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์ คนงานโรงฆ่าสัตว์ กรรมกรขุดลอกคูคลอง เป็นต้น
นพ.อำนวย กล่าวอีกว่า จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรคตั้งแต่วันที่1มกราคม– 5สิงหาคม2559พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูแล้ว 1,061ราย ในพื้นที่ 59 จังหวัด เสียชีวิต 16ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ อายุ 45-54 ปี รองลงมา 35-44 ปี และ 25-34 ปี ตามลำดับ อาชีพส่วนใหญ่เป็นเกษตร ร้อยละ 49.2 ส่วน ในปี 2558 ตลอดทั้งปี พบผู้ป่วย 2,151 ราย และเสียชีวิต 51 ราย นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงปี 2554 – 2558 อัตราป่วยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนอัตราป่วยตายตั้งแต่ปี 2554-2557 ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน คือ 1.64, 1.45, 0.95, 0.87 แต่ปี 2558 อัตราป่วยตายเพิ่มเป็นร้อยละ2
จากรายงานการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า สาเหตุเกิดจากผู้ป่วยมาพบแพทย์ช้า หรือแพทย์วินิจฉัยโรคได้ช้า ซึ่งในระยะแรกผู้ป่วยโรคฉี่หนูมักแสดงอาการไม่จำเพาะเจาะจง เช่น มีไข้ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน หรือ ท้องเสียร่วมด้วย คล้ายคลึงกับโรคไข้หวัด หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยซื้อยามารับประทานเองหรือไปพบแพทย์ แต่อาจวินิจฉัยเป็นโรคติดเชื้ออื่นๆ จนกระทั่งผู้ป่วยมีอาการเข้าสู่ระยะรุนแรง ได้แก่ มีไข้ปวดศีรษะรุนแรง ตาแดง ตัวเหลือง เลือดออกในปอดไตวาย และเสียชีวิตในที่สุด
นพ.อำนวย กล่าวว่า จากสถานการณ์ของโรคที่จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลง แต่พบจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในปี 2558 นั้น ในพื้นที่ต้องวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น และจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของพื้นที่ เช่นการรณรงค์ให้ประชาชนรีบไปพบแพทย์ หากมีอาการเจ็บป่วยหรือเสริมสร้างกระบวนการ ที่ทำให้เกิดการวินิจฉัยที่รวดเร็วและดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญประชาชนต้องรู้จักวิธีป้องกันตนเอง โดยปรับให้เข้ากับวิถีการดำรงชีวิต หรือการทำงานมีการจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ชุมชนมีส่วนร่วมกับการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค จะช่วยลดการเจ็บป่วยด้วยโรคฉี่หนูและนำไปสู่การลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ในอนาคต
“จริงๆ เราสามารถป้องกันโรคฉี่หนูได้ โดยปฏิบัติ 4 ลด ได้แก่ 1.ลดหนูโดยเก็บอาหารที่กินเหลือหรือขยะให้มิดชิดทำลายขยะอย่างถูกวิธี 2.ลดการสัมผัสโดยการใส่รองเท้าบู๊ทหรือเครื่องป้องกันอื่นๆล้างตัวให้สะอาดและซับให้แห้งเมื่อไปสัมผัสน้ำท่วมขัง 3.ลดการเสียชีวิต โดยสังเกตอาการถ้ามีไข้ปวดศีรษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะที่โคนขา หรือน่อง หลังจากแช่น้ำย่ำที่ชื้นแฉะภายใน 7 วัน ให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้ รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง 4.ลดการระบาดโดยให้ผู้นำชุมชน อสม. สังเกตว่ามีผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ แม้เพียงรายเดียวให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อรีบดำเนินการสอบสวน และควบคุมโรคไม่ให้แพร่ระบาด” นพ.อำนวยกล่าว