ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

ภาพปก ผนึก 9 สถาบัน ดันลดตายเหลือศูนย์
“ม.แม่โจ้” ต้นแบบคุมเข้มหมวกนิรภัย-ขับขี่ไม่เกิน 30 กม./ชม.

                   อุบัติเหตุคร่าชีวิตคนไทยปีละ 1.5 หมื่นคน นักบิดตายสูงสุด 74.5% เหตุไม่สวมหมวกนิรภัย 86% ชี้ เยาวชนกลุ่มเสี่ยงไม่สวมหมวกนิรภัยถึง 46% สสส. เร่งสานพลัง 9 สถาบันศึกษา ขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน ชู “ม.แม่โจ้” พื้นที่ต้นแบบควบคุมวินัยจราจร ห้ามขับเกิน 30 กม./ชม. แก้ไข 16 จุดเสี่ยง ตั้งด่านกวดขัน ตรวจจับ–ปรับจริง ตัดคะแนนความประพฤติ พบช่วยลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์

ภาพบุคคล นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่า
                   นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนส่งผลให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน กระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จากข้อมูลบูรณาการ 3 ฐาน ของกระทรวงสาธารณสุขภ พบว่าไทยยังมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 15,000 ราย โดยเป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 74.5% เหตุไม่สวมหมวกนิรภัย 86% ที่น่าห่วงคือกลุ่มเยาวชนอายุ 15–24 ปี มีการใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก แต่มีอัตราการสวมหมวกนิรภัยเพียง 46% และยังตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยระดับต่ำในพื้นที่เมืองรองและชนบท ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นแหล่งรวมของเยาวชนและเป็นกลไกสำคัญในระดับพื้นที่ จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “ต้นแบบองค์กรความปลอดภัย” ผ่านมาตรการที่ครอบคลุมทั้งด้านกายภาพ การบริหารจัดการ และพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน

ภาพทำถนน ผนึก 9 สถาบัน ดันลดตายเหลือศูนย์
“ม.แม่โจ้” ต้นแบบคุมเข้มหมวกนิรภัย-ขับขี่ไม่เกิน 30 กม./ชม.
                   “สสส. ร่วมกับองค์การอนามัยโลกสนับสนุนการดำเนินงานโครงการมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อดูแลนิสิต นักศึกษา และบุคลากรในสถาบันให้เกิดความปลอดภัย เป็นไปตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565 – 2570 ตั้งเป้าหมายลดการเสียชีวิตให้เหลือไม่เกิน 12 คนต่อแสนประชากร ภายในปี 2570 โดยมีมหาวิทยาลัยร่วมขับเคลื่อน 9 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้” นางก่องกาญจน์ กล่าว

ภาพทำถนน “ม.แม่โจ้” ต้นแบบคุมเข้มหมวกนิรภัย-ขับขี่ไม่เกิน 30 กม./ชม.
                   นางก่องกาญจน์ กล่าวต่อว่า จากการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พบปัจจัยสำคัญที่ทำให้เป็นพื้นที่ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ คือ มีการนำนโยบายระดับจังหวัดสู่การปฎิบัติจริง โดยทำบันทึกข้อตกลงเรื่องการสวมหมวกนิรภัย 100% หลังจังหวัดเชียงใหม่ประกาศให้เป็นวาระจังหวัดเมื่อปี 2564 มีการสำรวจและแก้ไขจุดเสี่ยง และมีมาตรการควบคุมความเร็วในมหาวิทยาลัย ส่งผลให้อัตราการสวมหมวกนิรภัยของนักศึกษาและบุคลากรจากช่วงโควิดอยู่ที่ 60-70% ปัจจุบันเพิ่มเป็น 96.4% อุบัติเหตุทางถนนภายในมหาวิทยาลัยลดลงจากรอบปีที่ผ่านมาพบสะสม 31 ครั้ง เหลือเพียง 1-3 ครั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และลดลงเป็น 0 ในช่วงเดือนเมษายน

ภาพบุคคล ผศ.ดร.กังสดาล กนกหงส์ ผู้รับผิดชอบโครงการมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้
                   ผศ.ดร.กังสดาล กนกหงส์ ผู้รับผิดชอบโครงการมาตรการองค์กรเพื่อความปลอดภัยทางถนนในสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ภาคเหนือตอนบน บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 และสถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ เพื่อยกระดับการจัดการความปลอดภัยทางถนนทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยสร้างระบบนิเวศความปลอดภัยทางถนน คือ กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็น “เขตควบคุมวินัยจราจร” มีมาตรการควบคุมความเร็วในมหาวิทยาลัย กำหนดให้รถจักรยานยนต์ห้ามใช้ความเร็วเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำรวจข้อมูลและแก้ไขจุดเสี่ยงภายในมหาวิทยาลัยจำนวน 16 จุด โดยติดป้ายแจ้งเตือน ห้ามย้อนศร ติดตั้งกรวยยางเพื่อบังคับทิศทางขับขี่ ทำเนินชะลอเพื่อจำกัดความเร็ว

ภาพเส้นทางรถวิ่ง 
“ม.แม่โจ้” ต้นแบบคุมเข้มหมวกนิรภัย-ขับขี่ไม่เกิน 30 กม./ชม.
                   “ได้มีการสื่อสารสร้างการรับรู้ชี้แจงและให้ความรู้แก่นักศึกษาใหม่ช่วงปฐมนิเทศ พร้อมจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ สร้างทางเลือกการเดินทางด้วยบริการรถรับส่งภายในมหาวิทยาลัย และตั้งคณะทำงานด้านการรักษาความปลอดภัย ทำหน้าที่ตั้งด่านตรวจการสวมหมวกนิรภัยสัปดาห์ละ 2 วันตลอดปีการศึกษา เพื่อตรวจสอบการสวมหมวกนิรภัยและการขี่ย้อนศร พร้อมกำหนดมาตรการลงโทษผู้ฝ่าฝืนแบบตรวจจับ-ปรับจริง กรณีนักศึกษาจะตัดคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน กรณีไม่สวมหมวกนิรภัย และตัด 20 คะแนนกรณีขับขี่รถย้อนศร บุคลากรจะแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการลงโทษทางวินัย และบุคคลภายนอกจะแจ้งมาตรการองค์กรในการสวมหมวกนิรภัย 100% พร้อมขอความร่วมมือให้ใช้เส้นทางภายนอกมหาวิทยาลัย โดยในปีหน้าจะขยับทำงานร่วมกับ 5 ชุมชนโดยรอบเพื่อทำประชาคมหมู่บ้านชวนสวมหมวกนิรภัย” ผศ.ดร.กังสดาล กล่าว

Shares:
QR Code :
QR Code