365 วันพิชิตโรคกับ สสส.

ร่วมรักษ์สุขภาพทุกวันได้ทั้งปี

 

 365 วันพิชิตโรคกับ สสส.

          การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คงไม่มีประโยชน์ หากมัวตื่นตระหนกเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญต้องใส่ใจและหันมาดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง อย่างเช่นงาน “มติชนเฮลท์แคร์…ดูแลสุขภาพ” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเครือบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพันธมิตรต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่งวันที่ 16 – 19 กรกฎาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริเวณโซน c และโซนพลาซ่า ภายใต้ธีม “สู้ภัยไข้หวัด 2009” ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดเวที “365 วัน สุขภาพดีกับ สสส.”

 

          ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รองผู้จัดการ สสส. เล่าคอนเซ็ปท์ของงานว่า ต้องการสื่อให้ประชาชนมีแนวคิดใหม่ในการดูแลสุขภาพที่สามารถทำได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเฉพาะวันหยุด หรือต้องหาเวลาว่าง แต่ทำได้ทุกวัน สสส. จึงชูธีม 365 วัน สุขภาพดีกับ สสส. โดยแบ่งเป็น 12 เดือน แต่ละเดือนจะมีไกด์ไลน์ในการออกกำลังกาย รวมทั้งแนวคิดในการดูแลสุขภาพ เพื่อเป็นการจูงใจให้คนอยากออกกำลังกายมากขึ้น

 

          ซึ่งปกติกิจกรรมดังกล่าว สสส. มีการรณรงค์และทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียน สถานศึกษาต่างๆ อยู่แล้ว เพียงแต่งานนี้จะเป็นการรวบรวมแนวทางการดูแลสุขภาพตลอด 365 วัน โดยจะมีธีมที่แตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ซึ่งภายในงานจะมีตัวอย่างการสาธิตการดูแลสุขภาพของแต่ละเดือนด้วย

 

          “ยกตัวอย่าง เดือนมกราคมเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นของปี และเป็นเดือนที่ทุกคนมักนึกถึงเด็ก เรียกว่า เป็นช่วงเวลาของวันเด็ก การรณรงค์เพื่อสุขภาพก็จะมุ่งเน้นไปที่เด็กเล็กๆ โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมออกกำลังกายในโรงเรียน การดูแลสุขภาพ รวมทั้งจะมีการให้ความรู้ในเรื่องรวมพลังสู้ภัยไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะบอกถึงแนวทางการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคต่างๆ โดยเฉพาะการเน้น “กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ” ซึ่งไม่เพียงแต่ห่างไกลโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่ยังห่างโรคอื่นๆ ด้วย” ทพ.กฤษดากล่าว

 

          ส่วนเดือนอื่นๆ ก็จะมีรูปแบบการรณรงค์ที่แตกต่างกันไป อย่างเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นเดือนแห่งความรัก สสส. จะมุ่งไปที่ความรักของครอบครัว โดยชูประเด็น “ครอบครัวอ่อนหวาน” ซึ่งไม่เพียงแต่การสื่อความหมายถึงความรัก ความเข้าใจในครอบครัว ยังหมายถึงการมุ่งเน้นไปที่การบริโภคอาหารที่อ่อนหวาน เพื่อห่างไกลจากโรคอ้วน โรคเบาหวานในอนาคต

 

          เดือนมีนาคมเป็นเดือนที่ตรงกับวันมาฆบูชา จะมุ่งเน้นการงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งเดือนเมษายนก็เช่นกัน โดยวันที่ 13 – 15 เมษายนของทุกปี เป็นเทศกาลสงกรานต์ สสส. มุ่งรณรงค์เรื่อง “สนุก ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์” นอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพ ยังช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอุบัติเหตุจาก “7 วันอันตราย” เป็นต้น

 

          ทพ.กฤษดาเล่าอีกว่า ส่วนเดือนพฤษภาคม ทุกๆ วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก สสส. มุ่งรณรงค์ให้เห็นถึงพิษภัยของบุหรี่ โดยภายในงานจะมีนิทรรศการโทษของการสูบบุหรี่ รวมทั้งแนวทางการเลิกบุหรี่ ขณะที่เดือนมิถุนายน เป็นช่วงรับน้องใหม่ ก็จะมุ่งการรับน้องปลอดเหล้า เพราะหากมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ขาดสติ และอาจเกิดการรับน้องแปลกๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจถึงแก่ชีวิตได้

 

          เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนงดเหล้าเข้าพรรษา เดือนสิงหาคมมุ่งให้เห็นประโยชน์ของนมแม่ เดือนกันยายนแข่งเรือปลอดเหล้า เดือนตุลาคมทอดกฐินปลอดเหล้า เดือนพฤศจิกายนลอยกระทงปลอดเหล้า รวมทั้งการยุติความรุนแรงต่างๆ และสุดท้ายเดือนธันวาคม เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สสส.ชูธีม “ไร้แอลกอฮอล์ : party no drink” นอกจากนี้ มีการสาธิตวิธีการออกกำลังที่หลากหลาย และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ถึงการดูแลสุขภาพในรูปแบบต่างๆ ด้วย

 

          “อยากให้คนไทยมองสุขภาพว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ที่ผ่านมาคนมักคิดว่าการดูแลสุขภาพต้องออกกำลังทุกวัน ซึ่งในชีวิตการทำงานในปัจจุบันย่อมไม่มีเวลา แต่ไม่ใช่ เพราะการดูแลสุขภาพมีหลายวิธี การออกกำลังเป็นส่วนหนึ่ง อาหาร การกินก็สำคัญ หากไม่เริ่มวันนี้ ในอนาคตอาจจะสายเกินไป” รองผู้จัดการ สสส. กล่าว

 

          อาจไม่ต้องดูแลสุขภาพถึง 365 วัน แต่ขอให้เริ่มตั้งแต่วันนี้ วันละนิดละหน่อยก็เพียงพอ…

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

update 18-07-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code