3 ภาษาพัฒนาชาติ-ลดแบ่งแยก
สร้างค่านิยมความเท่าเทียมในสังคม
ในวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก และโอกาสครบรอบ 10 ปีการให้สัตยาบัน อนุสัญญา ฉบับที่ 182 เพื่อขจัดรูปแบบเลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก แผนงานสื่อสร้างสุขภาพเยาวชน (สสย.) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนาเรื่อง “สื่อความรุนแรง การแบ่งแยกชาติพันธุ์ และแรงงานเด็ก” เมื่อเร็วๆ นี้ ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ดร.สุวจี กู๊ด ผู้จัดการโครงการแก้ไขปัญหาแรงงานเด็กในประเทศไทย องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่า การประเมินสถานการณ์แรงงานเด็กในปัจจุบัน พบมีการเอาเปรียบและทำร้ายร่างกาย แต่ปัญหาพบบ่อยที่สุด คือ เด็กไม่ได้เรียนหนังสือและถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้น
นอกจากกลุ่มเด็กไทยที่ถูกนำมาค้าแรงงาน ยังมีกลุ่มเด็กต่างชาติที่ชายแดนติดประเทศไทยด้วย ขณะนี้สถิติรับเด็กต่างชาติเข้าโรงเรียนเริ่มดีขึ้น โดยสัดส่วนเข้าเรียนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับศักยภาพแต่ละโรงเรียน แต่การเข้าโรงเรียนคงไม่มีความหมาย หากยังมีการรังเกียจจากเพื่อนและสังคม จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างความเข้าใจ ด้านภาษาสื่อสาร โดยเริ่มสอนภาษาไทย กะเหรี่ยงและพม่า ใน รร.บ้านท่าอาด อ.แม่สอด จ.ตาก ตลอดจนสอนครูคนไทยและต่างชาติ ให้เรียนรู้เช่นเดียวกัน เพื่อการสื่อสารที่เข้าใจ ลดอคติ และกระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น หลังวัดผลเห็นพัฒนาการน่าพอใจ
“ควรสอนภาษาในโรงเรียนที่มีเด็กต่างชาติเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการทะลักเข้ามาค้าแรงงานในเมือง ส่วนปัญหาที่ต้องแก้ไข ต่อไปคือ เมื่อเด็กเรียนจบควรได้รับสิทธิการทำงาน ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน เด็กบางคนพ่อแม่ลักลอบเข้าเมืองไม่มีหลักฐาน โรงเรียนจึงออกใบประกาศนียบัตรให้ไม่ได้ เมื่อเรียนจบก็ไม่มีวุฒิไปสมัครทำงาน แรงงานต่างชาติฝันอยากประกอบอาชีพ เป็นแพทย์ ตำรวจ ครู แต่กฎหมายไม่เอื้อให้แรงงานต่างชาติ ขณะเดียวกันอาชีพที่ทำได้ก็คือ เกษตรกรรม ประมงต่อเนื่องและงานรับใช้ภายในบ้าน” ดร.สุวจี กล่าว
ด้าน เข็มพร วิรุณราพันธ์ ตัวแทนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) กล่าวว่า การอยู่ร่วมกันของลูกหลานแรงงานต่างชาติกับแรงงานไทย ยังมีมิติความรุนแรง โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติถูกกระทำทารุณโดยที่คนไทยไม่รู้สึกผิดมากนัก จนเกิดเป็นค่านิยม เกิดอคติต่อแรงงานต่างชาติ การปรับเจตคติของคนในสังคม ควรมองว่ามีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่าเทียมกัน ด้านสื่อทั้งข่าวสาร ละคร ภาพยนตร์ ในยุคแรกๆ ต่างนำเสนอเหมือนเขาเป็นอสรพิษ เป็นคนสร้างปัญหาให้แก่สังคม มองแบบเหมารวมโดยไม่แยกแยะว่าทุกสังคม มีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ดังนั้นการนำเสนอจึงอยากให้แยกแยะ มองแบบภาพรวม ยุติการกล่าวร้าย การเหยียดหยามคนชาติอื่น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาระยะยาว ยิ่งตอกย้ำความรุนแรง ยิ่งสะท้อนมายังลูกหลานของเรา
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบ: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update 15-06-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก