3 โมเดลท้องถิ่น ต่อยอดขยะให้เป็นประโยชน์
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
มาฟังเทคนิคเคล็ดไม่ลับจาก 3 ชุมชน เผยกลยุทธ์จัดการขยะแบบพึ่งตนเอง กับงานเสวนาออนไลน์ชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง จัดการขยะอย่างยั่งยืน คืนประโยชน์ให้ชุมชนท้องถิ่น จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
จัดการขยะรวมศูนย์ไม่ใช่คำตอบ
ปฏิบัติการจัดการขยะของเทศบาลปริก เริ่มจากพบข้อมูลที่ว่ามีขยะอินทรีย์ในพื้นที่ประมาณ 70%ปริกเลือกไม่ใช้แนวทางการตามแนวคิดการกำจัดขยะรวมศูนย์ เพราะวิเคราะห์แล้วว่าแนวทางดังกล่าวทางเทศบาลอาจต้องใช้งบประมาณปีละสามถึงสี่ล้านบาท หากแต่เลือกที่จะนำแนวคิดการจัดขยะแบบฐานศูนย์ หรือ Zero Waste มาประยุกต์ใช้ในชุมชน ซึ่งท้ายที่สุด ปริกสามารถกำจัดขยะที่เคยมีเฉลี่ยถึงวันละ 10 ตันต่อวัน เหลือเพียงวันละ 4-5 ตัน
"เคล็ดลับความสำเร็จอยู่ที่การสร้างความร่วมมือให้เกิดในชุมชน มองหาคนที่เข้าใจ คนที่มีใจพอจะร่วมมือกับเราได้ ไม่จำเป็นต้องทุกคนหรือร้อยเปอร์เซ็นต์ เอาแค่ 10-20% แรกที่มาด้วยใจ ก็จะขยายผลต่อไปได้" สุริยา ยีขุน นายกเทศมนตรี ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลาเอ่ย
ผลจากการจัดการขยะ สิ่งที่กลับคืนสู่ชุมชนทางตรงคือค่าใช้จ่ายต้นทุนการจัดการขยะถูกลง สามารถนำงบประมาณที่จะต้องใช้กำจัดขยะมาทำสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ หรือนำไปพัฒนาสาธารณประโยชน์อื่นๆ
"ชุมชนท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการขยะได้ ขอเพียงภาครัฐเปิดโอกาสให้ชุมชนจัดการปัญหาเรื่องขยะได้ด้วยตนเอง ก็จะทำให้เกิดแนวทางการจัดการที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และเกิดประสิทธิภาพ"
'ไม้งาม'กับหมู่บ้านปลอดถังขยะ
เพราะทุกคนต่างเห็นพ้องว่าการมีถังขยะที่มีขยะล้นอยู่หน้าบ้านสร้างภูมิทัศน์ที่ไม่สวยงามให้กับบ้านของตนเองทางเทศบาลตำบลไม้งาม จึงนำมาเป็นเทคนิคที่โน้มน้าวให้สมาชิกในชุมชนหันมาจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งก็คือเริ่มจากในบ้าน
อิสรีย์ ตะเภา ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม ทต.ไม้งาม อ.เมือง จ.ตาก เล่าว่า จากนโยบายจังหวัดสะอาดของตาก เมื่อลงสู่ภาคปฏิบัติของที่เทศบาลไม้งามเริ่มกระบวนการจัดการขยะระดับหมู่บ้าน ซึ่งจากการได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส. ไม้งามยังมีการนำไปเป็นทุนในการสร้างพี่เลี้ยงต้นแบบจัดการขยะในชุมชน จัดหาอุปกรณ์ที่ใช้บริหารจัดการขยะแต่ละชุมชน มีการถ่ายทอดความรู้วิธีการแยกขยะ ไปจนถึงการก่อตั้งกลุ่ม "สหการขยะ" กลุ่มรับซื้อขยะรีไซเคิลในชุมชน พร้อมนำรายได้มาจัดการเป็นกองทุน ในการสร้างประโยชน์ชุมชนอื่นๆ
ปัจจุบันเทศบาลผลักดันให้ประชาชนของ 4 หมู่บ้านจาก 9 หมู่บ้านในตำบลสามารถจัดการขยะด้วยตนเอง ผลจากการที่แต่ละหมู่บ้านมีความรู้เรื่องจัดการขยะทำให้ขยะที่เทศบาลเคยต้องเก็บเฉลี่ยวันละ 25 ตัน ลดเหลือเพียงวันละ 7 ตันและไม่ต้องซื้อถังขยะอีกต่อไป
"เป้าหมายของสหการขยะไม่ใช่เพื่อต้องการสร้างรายได้มากมาย แต่เราต้องการลดปริมาณขยะในชุมชน และสะท้อนให้ชาวบ้านเห็นว่าขยะสามารถนำไปสร้าง ประโยชน์หรือมูลค่าเพิ่ม ทั้งสร้างรายได้ที่กลายเป็นทุนสวัสดิการในชุมชนได้"
'ผึ่งแดด'แปลงขยะเป็นสวัสดิการ
"ครัวเรือนไหนที่รับถังขยะจากเราไปต้องมีส่วนร่วมจัดการขยะกับเรา" วิลัยพนมสุพร นายกเทศมนตรี ต.ผึ่งแดด อ.เมือง จ.มุกดาหารเอ่ย
ผึ่งแดดใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการขยะแบบมีส่วนร่วมของคนในชุมชน จนปัจจุบันมีสมาชิกจาก 13 หมู่บ้านที่ให้ความร่วมมือ โดยทุกเดือนเทศบาลจะเวียนรับซื้อขยะรีไซเคิลแต่ละหมู่บ้านจนครบ 13 หมู่บ้าน
แต่อีกเทคนิคเฉพาะตัวของผึ่งแดดคือการมอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และสร้างสวัสดิการให้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจัดการขยะ โดยทุกรายจะได้รับเงินช่วยเหลือกรณีมีงานศพรายละ 6,000 บาท และพัดลม 1 ตัว นอกจากนี้ยังสนับสนุนสมาชิกทำกลุ่มน้ำหมักชีวภาพในชุมชน เลี้ยงไส้เดือนโดยใช้ขยะอินทรีย์ ส่งเสริมการสร้างถังขยะเจาะก้นฝังดินทุกครัวเรือน จัดทำถังน้ำหมักชีวภาพจากขยะ น้ำหมักมูลไส้เดือนที่ได้แจกจ่ายให้สมาชิกเป็นปุ๋ยปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงเท่านั้นยังจำหน่ายให้กับคนภายนอก ส่วนไส้เดือนยังขายได้ถึงกิโลกรัมละ 800 บาท
ขยายผลสู่ชุมชนอื่น
นายกฯ สุริยาเสนอแนะแนวทางและความเป็นไปได้ที่แนวคิดการจัดการขยะจะเกิดการขยายผลไปสู่ชุมชนอื่นๆ คือการเปิดพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ เช่น เวทีเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็ง เพราะจะทำให้แต่ละชุมชนนำกลับไปคิดต่อได้ สอง ควรมีหน่วยงานทางวิชาการที่นำงานวิจัยเชิงปฏิบัติมารองรับ สร้างโมเดลการจัดการขยะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่างบริบทกันสาม ท้องถิ่นควรเริ่มต้นด้วยการจัดการตนเองก่อน โดยไม่ต้องรอ และ สี่ หน่วยงานที่จัดการด้านสิ่งแวดล้อมควรมีบทบาทเข้ามาหนุนเสริมชุมชน
ขณะที่ นายกฯ เมืองผึ่งแดด เสริมว่า การจะทำให้งานขยะประสบความสำเร็จได้ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหาร (ผู้นำ) ที่หากไม่เดินร่วมกันอะไรก็เกิดขึ้นยาก "ผึ่งแดดเคยมีความขัดแย้งมาเหมือนกันแต่เราใช้หลักคือเข้าหาชุมชน และผู้นำท้องที่ เราเข้าไปปรึกษาตัวต่อตัวเลย ไม่ต้องเรียกมาประชุม"
ส่วนตัวแทนไม้งามให้ความเห็นว่า"ใจคนทำงาน ต้องมีใจก่อน เพราะทุกอย่างมีปัญหาอุปสรรค งานขยะเป็นงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมันยากอยู่แล้ว เราต้องเป็นผู้นำที่จะลงไปพูดคุย ให้เขาได้ร่วมคิดร่วมตัดสินใจกับเราว่าจะทำอย่างไรให้หมู่บ้านของเราขยะไม่ล้นเมือง แล้วนำกลุ่มคนที่ร่วมมือมาเป็นต้นแบบเพื่อให้สมาชิกคนอื่นๆ เห็น"
'ขยะ'ชุมชนต้องจัดการด้วยตนเอง
ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส กองทุน สสส.และรักษาการผู้อำนวยการสำนัก 3 ร่วมวิเคราะห์ว่า สิ่งที่ทั้งสามพื้นที่ใช้เหมือนกันคือ หนึ่ง กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นทักษะเฉพาะของพื้นที่เพราะต่างรู้จักคนในพื้นที่ตัวเองเป็นอย่างดีว่าใครที่มีแนวโน้มมีใจหรือไม่ให้ความร่วมมือสอง องค์ความรู้ มีความสำคัญ และแม้คนในพื้นที่จะมีความรู้แต่คนในชุมชนอาจไม่เชื่อถือจึงอาจต้องดึงสถาบันวิชาการมาหนุนเสริม สร้างความเชื่อถือของข้อมูลความรู้ ให้ชุมชนยอมรับ สาม เทคนิคคือการผสมผสานความรู้ทางวิชาการ ภูมิปัญญา ประสบการณ์เฉพาะตัวซึ่งท้องถิ่นมักเน้นแต่ภูมิปัญญา และประสบการณ์เฉพาะตัว ทำให้การดำเนินงานหลายเรื่องมักไม่มีประสิทธิภาพ
"การจัดการขยะ เป็นเรื่องที่ชุมชนท้องถิ่นต้องลุกขึ้นมาจัดการด้วยตนเอง และชุมชนท้องถิ่นต้องมีทักษะในการดึงหน่วยงานภายนอกที่มีความรู้เพื่อมาช่วยหนุนเสริมความเชื่อมั่นให้กับชุมชน"