2 เดือบพบผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว 1433 ราย

          นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้น  มีผลต่อการเพิ่มจำนวนยุง โดยเฉพาะยุงลายซึ่งเป็นตัวการแพร่เชื้อไข้เลือดออก

       /data/content/19677/cms/dgjnqrsyz678.jpg

          เนื่องจากในช่วงที่อากาศหนาวเย็น และสภาพอากาศแห้ง  มีผลต่อระบบการไหลเวียนเลือดของยุงไม่ดี  และไม่มีแรงบินออกไปหากินเลือดคน  ยุงจะใช้ชีวิตแบบจำศีล  จึงไม่เอื้อต่อการแพร่พันธุ์ แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 20 องศาเซลเซียส  ระบบการไหลเวียนเลือดในยุงดีขึ้น ยุงลายจะรีบออกมากินเลือดคน  อาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อของโรคไข้เลือดออกได้อย่างรวดเร็ว และหากมีฝนตกในช่วงนี้ จะเพิ่มแหล่ง/data/content/19677/cms/cfhkmnrst578.pngวางไข่ยุง ทำให้จำนวนยุงลายเพิ่มขึ้นได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ เร่งรณรงค์กระตุ้นเตือนประชาชนให้กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในบ้าน เช่น ภาชนะเก็บน้ำใช้ แจกันไม้ประดับ  เศษขยะ ภาชนะรอบบ้าน โรงเรียน  โรงงาน สถานที่ทำงาน โรงพยาบาล  ศาสนสถานต่าง ๆ  โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยในปีที่ผ่านมา   ทำอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ซึ่งในฤดูหนาวและถือว่าเป็นช่วงทองในการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก เนื่องจากอากาศเย็นและแห้ง ไม่มีน้ำฝนขังตามเศษภาชนะมากเหมือนฤดูฝน

          ในปี 2557 นี้ ยังพบผู้ป่วยไข้เลือดออกอย่างต่อเนื่อง นักวิชาการคาดการณ์ว่าสถานการณ์โรคไข้เลือดออกจะไม่รุนแรงเช่นในปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งพบผู้ป่วย 152,768 ราย เสียชีวิต 132 ราย สูงสุดในรอบ 20 ปีอย่างไรก็ตาม คาดว่าจำนวนผู้ป่วยอาจสูงถึง 80,000 – 100,000 ราย โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ 2557 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว 1,433 ราย เสียชีวิต 1 ราย ที่น่าห่วงคือยังพบว่าประชาชนมีความเข้าใจที่ผิดว่า การควบคุมยุงลายเป็นหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเคยชินกับการมีลูกน้ำอยู่ในบ้าน หรือในภาชนะ เศษขยะในบริเวณบ้าน  จึงไม่คิดจะลงมือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายด้วยตนเอง จะรอให้เจ้าหน้าที่มาพ่นเคมีฆ่ายุงตามท่อระบายน้ำต่างๆ ตามแอ่งน้ำเสีย  ซึ่งยุงที่อยู่ในแหล่งนี้เป็นยุงรำคาญที่กัดคนกลางคืน  ไม่ใช่ยุงลาย  ซึ่งจะต้องเร่งเปลี่ยนทัศนคติเหล่านี้ใหม่ว่า บ้านตนเอง ครอบครัวตนเอง คนในครอบครัวต้องเป็นคนดูแลเอง หรือที่เรียกว่า บ้านใครบ้านมัน

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code