2 วันพระใหญ่ น้ำเมา ซ.มหาดไทย หายไป


ร้านขายเหล้าที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดแน่นสองข้างทางตลอดซอยมหาดไทย หน้าราม เขตวังทองหลาง ย่อมเป็นสถานที่ชุมนุมนักดื่มตัวยงและสร้างวัยโจ๋นักดื่มหน้าใหม่ทุกวัน แต่ด้วยการขายเหล้าในวันพระใหญ่นั้นเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 บวกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า สอดส่องเฝ้าระวังอย่างจริงจัง ตลอดจนเดินรณรงค์ห้ามขายเหล้าวันพระใหญ่ จัดกิจกรรมปิดซอยมหาดไทย “งดขายเหล้าสองวัน ชวนกันงดดื่ม เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ” ส่งผลให้ในช่วงวันพระใหญ่ 2 วัน คือ วันอาสาฬหบูชา 15 ก.ค. และวันเข้าพรรษา 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ตลอดหัวซอยยันท้ายซอยไร้วี่แววผู้ประกอบการร้านเหล้าที่แหกคอกฝ่าฝืนกฎหมายหรือแอบขาย


แน่นอนความร่วมมือของร้านเหล้า ผับ บาร์ ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อในซอยมหาดไทย งดจำหน่ายแอลกอฮอล์ตามกฎหมายช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุ อาชญากรรม และการทะเลาะวิวาทที่สร้างความเดือดร้อนและกวนใจให้กับผู้คนในชุมชน ซึ่งตอนนี้คนส่วนใหญ่อยากจะกำจัดร้านเหล้าเหล่านั้นออกไปจากพื้นที่ และวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดโซนนิ่งร้านรวงสถานที่อโคจรให้สำเร็จ


ยืนยันได้จาก พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผู้กำกับการ สน.วังทองหลาง ได้ฉายให้เห็นภาพกรณีการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงวันพระใหญ่ 2 วัน คือ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาว่า ในส่วนของ สน.วังทองหลาง ถือว่าสถานประกอบการผับ บาร์ ร้านสะดวกซื้อ ต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในซอยมหาดไทย ซึ่งเป็นแหล่งสถานบันเทิงขึ้นชื่อ มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 111 ร้าน แบ่งเป็นร้านผับ บาร์ 17 ร้าน ร้านสะดวกซื้อ 20 ร้าน ร้านโชห่วย 43 ร้าน และร้านข้าวต้มโต้รุ่ง 11 ร้าน ร้านยาดอง ร้านเหล้าปั่น 20 ร้าน โดยวันพระใหญ่ปีนี้ไม่ได้รับรายงานการแอบขาย หรือเปิดร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่ร้านเดียว ส่งผลให้ยอดอุบัติเหตุหรือปัญหาอาชญากรรมลดลงตามไปด้วยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นว่าการรณรงค์สามารถกระตุ้นผู้ประกอบการให้เกิดความตระหนัก ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการจัดระเบียบสังคม


“แม้จะไม่มีรายงานการกระทำผิด แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้องเพิ่มมาตรการเพื่อเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ ผู้ประกอบการร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอมจ่ายค่าปรับเพื่อให้ได้ขายสินค้า ถือว่ามีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนั้นทุกฝ่ายควรร่วมเป็นหูเป็นตา เพราะลำพังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันบทลงโทษของไทยต้องเข้มงวดมากขึ้นกว่านี้ หากเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่ประชาชนเคารพกติกาจนไม่กล้าทำผิด เนื่องจากมีบทลงโทษทางกฎหมายที่สูง” พ.ต.อ.ธวัช ผู้กำกับการคนขยัน กล่าว


นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแล เครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็เป็นอีกพลังสำคัญ ในการชี้แจงและชี้ชวนร้านขายเหล้า-เบียร์รักษากฎหมาย ช่วยให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือเพิ่มขึ้นตามลำดับ ธีระภัทร คหะวงศ์ แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ผู้ประกอบการบางร้านออกมาระบุว่า ควรเพิ่มวันงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น วันพ่อและวันแม่ ซึ่งจากการที่เครือข่ายเยาวชนฯ ลงพื้นที่ในซอยมหาดไทยช่วง 2วันพระใหญ่ พบว่าสถานประกอบการต่างให้ความร่วมมือด้วยการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดทั้งซอย


หากเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่น เช่น สนามหลวง ถนนข้าวสาร ปิ่นเกล้า ถนนลาดพร้าว พหลโยธิน เกษตร วิภาวดี ที่ทำการสำรวจในวันวิสาขบูชา แกนนำเครือข่ายคนเดิมบอกถึงสภาพความจริงที่เกิดขึ้นว่า เพียงวันเดียวมีร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 45 ร้าน หรือ 39.13% จากจำนวนทั้งหมด 115 ร้าน ทั้งนี้อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการควรให้ความร่วมมือเพื่อลดปัญหาสังคม การทะเลาะวิวาท อาชญากรรม โดยเฉพาะปัญหาเยาวชนที่นับวันจะกลายเป็นนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาก็พยายามรณรงค์สร้างค่านิยมไม่ดื่มเหล้าให้กับคนรุ่นใหม่


“สิ่งที่เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่หนักใจและเป็นห่วงมาก คือ จำนวนร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษาที่มีความหนาแน่นมากเกินไป เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อกลุ่มเยาวชน ทำให้เข้าถึงร้านเหล้าได้ง่ายขึ้น มีผลกระทบทั้งระยะสั้น อย่างบาดเจ็บเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ หรือดื่มเหล้าเมา นักศึกษาทะเลาะตีกัน ที่สำคัญอาจนำไปสู่สิ่งเสพติดอื่น ผลร้ายระยะยาวคือ กลายเป็นคนติดเหล้า แอลกอฮอล์ยังทำลายสุขภาพและสมอง ทำลายตับ เกิดโรคร้ายแรงอีกมากมาย ดังนั้น ควรถึงเวลาที่หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ต้องทบทวนเรื่องการจัดโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษา” ธีระภัทรกล่าวทิ้งท้าย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการเข้มกับร้านเหล้าข้างสถาบัน ตลอดจนวอนทุกฝ่ายแก้ปัญหาเหล้าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง


 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code