‘100 ปี การสาธารณสุขไทย’ กับทิศทางการแพทย์
ที่มา: มติชนรายวัน
แฟ้มภาพ
ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าว “100 ปี การสาธารณสุขไทย” ซึ่ง จะครบรอบในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 ว่า ในโอกาสที่ก้าวเข้าวาระ 100 ปีของการสาธารณสุขไทย ในปี 2561 กระทรวงสาธารณสุขได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานต้นการบูรให้เป็นต้นไม้ประจำกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้น อายุยืน มีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพและมีสรรพคุณทางยา ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเกือบ 100 ปีกระทรวงสาธารณสุขไม่เคยมีต้นไม้ประจำกระทรวงมาก่อน และการบูรยังไม่มีจังหวัดหรือมหาวิทยาลัยใดใช้เป็นต้นไม้ประจำองค์กร ซึ่ง สธ.จะมีการรณรงค์ให้มีการปลูกในพื้นที่ของหน่วยงานสังกัด สธ.เป้าหมาย 1 ล้านต้นทั่วประเทศ
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า การขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปการสาธารณสุขเป็นระบบสาธารณสุข 4.0 จะไม่ใช่เป็นฝ่ายรับแต่จะเป็นเชิงรุก จะเน้นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะการแพทย์ปฐมภูมิ ที่จะมีคลินิกหมอครอบครัว ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัวและทีมบุคลากรลงไปดูแลสุขภาพประชาชนถึงในระดับตำบล โดย 1 ทีม ดูแลสุขภาพประชาชน 10,000 คน ขณะนี้มี 596 ทีม จะเพิ่มเป็น 1,170 ทีม ในปี 2561 คาดว่าอีก 10 ปีจะครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ ดำเนินการพัฒนาแก้ไขปัญหาสุขภาพของพื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมและเป็นหุ้นส่วนของทุกภาคส่วน
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัด สธ. กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาระบบบริการ ได้ให้ทุกเขตสุขภาพดำเนินการพัฒนาใน 19 สาขา และศูนย์ความเป็นเลิศโรคที่สำคัญ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด อุบัติเหตุ โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและราชวิทยาลัย พัฒนาความเป็นเลิศด้านวิชาการ บุคลากร และการบริการ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพภายในเขตสุขภาพ ลดความแออัด ลดความเหลื่อมล้ำ ที่สำคัญจะมีการชูเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้แต่ละเขตพื้นที่กำลังดำเนินการ โดยเฉพาะการผ่าตัดวันเดียวกลับ ซึ่งมีประสิทธิภาพการรักษาและยังลดการนอน รพ. ลดปัญหาความแออัดได้
นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวว่า การปฏิรูปสาธารณสุข จะเน้น 4 ด้านสำคัญ คือ บริหารจัดการ รักษาพยาบาล การเงินการคลัง และคุ้มครองผู้บริโภค โดยแยกย่อยเป็น 12 ประเด็น แต่จะขับเคลื่อนเบื้องต้น 6 ประเด็นก่อน ได้แก่ 1.ระบบสุขภาพเป็นเอกภาพ 2.การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 3.ระบบการแพทย์ปฐมภูมิ 4.การให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน 5.ระบบการคลังหลักประกันสุขภาพ และ 6.ระบบสารสนเทศ
ด้านนพ.เกียรติคุณ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ต้นการบูร เป็นไม้ทรงพุ่มกว้างและทึบ มีความสูงของต้น 30 เมตร ลำต้นมีขนาดถึง 1.5 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลลำต้น กิ่งเรียบไม่มีขน เนื้อไม้ สีน้ำตาลปนแดง มีสรรพคุณยา โดยพบว่าทุกส่วนของการบูรมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะราก โคนต้น มีกลิ่นหอมมากกว่าส่วนอื่น ในฤดูร้อน ใบ และเปลือกของต้นการบูรจะกลั่นน้ำมันออกมา ทำให้สดชื่น ในผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยหลายชนิดมีการบูรเป็นส่วนผสม เนื่องจากให้กลิ่นหอมสดชื่น หอมเย็น ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบายใจ ซึ่งปัจจุบันที่มีการใช้เป็นการบูรสังเคราะห์ เพราะหากเป็นการบูรแท้จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000 บาท