10 จังหวัดใต้-ตะวันตก ปักธงงานประจำปีต้องปลอดเหล้า
ภาคใต้แดนด้ามขวานของไทย มีงานบุญประเพณีที่ดีงามและธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามติดอันดับโลกกลายเป็นที่กล่าวขานถึงของนานาประเทศ หลายจังหวัดจึงมีแนวคิดที่จะสืบสาน และทำให้จังหวัดเป็นพื้นที่คงคุณค่า ทั้งด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ต่อไป ด้วยการทำให้เป็นเขตปลอดเหล้า
เพราะที่ผ่านมาตามรายงานพบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่สร้างความเสียหายให้แต่ละจังหวัด อันเนื่องมาจากเป็นสาเหตุของการเกิดอาชญากรรมมากมาย ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้ ที่เริ่มดำเนินการปักธงแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว
เริ่มจาก นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าฯ จ.ชุมพร เป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่ภาคใต้ ประชาชนที่ต้องการเดินทางเข้าสู่ภาคใต้ต้องผ่าน ดังนั้น จังหวัดนี้ จึงต้องให้ความสำคัญกับการทำให้จังหวัดปลอดเหล้าไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานกาชาดประจำได้กำหนดให้เป็นงานปลอดเหล้า ไม่มีการอวดโชว์ หรือแม้แต่รับการสนับสนุนจากบริษัทเหล้า เบียร์
ลงใต้ไปจนเกือบสุดปลายด้ามขวานโดย นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าฯ จ.ปัตตานี หนึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ล่อแหลม ต่อการลักลอบนำเข้าของผิดกฎหมายการดำเนินการของจังหวัด จึงเป็นการดักตั้งแต่ต้นทาง ไม่ให้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่หนีภาษี โดยใช้มาตรการปราบปรามการนำเข้าเหล้าและบุหรี่ที่หนีภาษีจากมาเลเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นบุคคลต้นแบบเลิกดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ด้วย
ขณะที่ จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า จ.ระนอง มีปริมาณการจำหน่ายเหล้าในปี 2552 มีมากถึง 943 ล้านลิตร ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยาบาลด้วยโรคตับแข็ง และตับอ่อนอักเสบเพิ่มขึ้น นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าฯ จ.ระนอง จึงประกาศให้งานประจำปีของจังหวัดปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจัดงานเทศกาลเที่ยวระนองท่องอันดามัน ประจำปี 2554 ซึ่งจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ แต่พิเศษสุด ตรงที่จะเป็นงานที่ปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่อนุญาตให้มีการจำหน่ายในบริเวณงาน และรณรงค์ให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
นายประสทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าฯ จ.กระบี่ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการจัดการปัญหาการดื่มสุราอย่างมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงนามประกาศไม่ให้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบริเวณงานกาชาด และงานบุญประเพณีต่างๆ รวมถึง แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติของจังหวัดที่มีอยู่มากมาย และล้วนแล้วแต่สวยงามทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้สูญเสียบรรยากาศความสงบ ร่วมเย็นที่บริสุทธิ์จากการกระทำของมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นยังประกาศห้ามมิให้ นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้าสถานที่ราชการโดยเด็ดขาด
ขณะที่ จ.พัทลุง สงขลา นราธวาส และพังงา แม้จะยังไม่มีผลงานโดดเด่นมากนัก แต่นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้มีการริเริ่มงานปลอดเหล้า อย่างเช่น
นายพิสิษฐ์ บุญช่วง นายวิญญู ทองสกุล
นายพิสิษฐ์ บุญช่วง ผู้ว่าฯ จ.พัทลุง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งเสริมให้มการจัดงานที่ถนนข้างสังข์หยด พื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์แบบสร้างสรรค์และสืบสานประเพณีโบราณเช่นเดียวกับ
นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าฯ จ.สงขลา สนับสนุนให้มการจัดงานมิดไนท์สงกรานต์ 2011 ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ ที่ อ.หาดใหญ่
นายธำรงค์ เจริญกุล นายธนน เวชกรกานนท์
นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าฯ จ.พังงา ได้จัดโครงการวัดปลอดเหล้า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการลด ละ เลิกอบายมุขต่างๆของคนในชุมชนอย่างแท้จริง
นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าฯ จ.นราธวาส ได้เริ่มจัดงานกาชาดปลอดเหล้า ไม่รับเงินงบประมาณจากบริษัทน้ำเมา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับในภาคตะวันตกมี 2 จังหวัดที่เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการประกาศให้จังหวัดปลอดเหล้า โดยให้ความร่วมมือร่วมใจ ดำเนินการอย่างจริงจัง
เริ่มที่นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าฯ จ.ราชบุรี สนับสนุนการรณรงค์งดเหล้าในเทศกาลต่างๆ อีกทั้งร่วมปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา ดำเนนการ ตรวจสอบ เก็บข้อมูลตักเตือน ร้านค้าที่ทำผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะภายในสงกรานต์วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันพระใหญ่
ปิดท้ายที่ นายประภาส บุญยินดี ผู้ว่าฯ จ.สมุทรสงคราม ไม่เพียงแต่ทำให้เทศกาลสงกรานต์เป็นสงกรานต์สร้างสรรค์และปลอดเหล้าเท่านั้น แต่เมืองแห่งนี้ยังดำเนนการชัดเจน ในงานเทศกาลกินปลาทูและของดีเมืองแม่กลอง ซึ่งเป็นงานประจำปีของจังหวัด ไม่ให้มีการขายหรือแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มมึนเมาด้วย
ผลงานเหล่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้รับรางวัล “ความเป็นเลิศด้านการบริการราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเยี่ยมจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี”
เชื่อว่ายังมีอีกหลายจังหวัดที่เห็นความสำคัญของผลกระทบจากน้ำเมา และอยากเข้าร่วมรณรงค์จังหวัดให้เป็นจังหวัดปลอดเหล้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีเครือข่ายจังหวัดปลอดเหล้าเพิ่มขึ้น ช่วยให้สังคมไทยปลอดภัยจากน้ำเมา
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง