ไฟฟ้าการันตี 5 เม.ย.โอกาสไฟตก-ไฟดับน้อย

 

กฟผ.-กฟน.-กฟภ. การันตี วันที่ 5 เม.ย.นี้ โอกาสไฟตก-ไฟดับเกิดน้อย แต่หากฉุกเฉิน ต้องดับไฟในบางพื้นที่ ยกเว้นสถานที่สำคัญ ระบุไฟสำรอง 5 เม.ย. แตะ 1,200 เมกะวัตต์แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ที่มีผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ร่วมประชุมเพื่อหามาตรการรับมือกรณีที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา ให้กับประเทศไทย วันที่ 5-14 เม.ย.นี้ โดยเฉพาะวันที่ 5 เม.ย.ที่ปริมาณไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยจะลดเหลือเพียง 700 เมกะวัตต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับในประเทศไทย

โดยหลังจากการประชุม นายธนา พุฒรังสี รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ.ในฐานะประธานคณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า กล่าวว่า ขอยืนยันว่าขณะนี้ปัญหาไฟฟ้าตกหรือดับมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 เม.ย.นี้ น้อยมาก เพราะทั้ง 3 การไฟฟ้าได้ไปจัดหาไฟฟ้าสำรองจากโรงไฟฟ้าอิสระขนาดใหญ่ (ไอพีพี) โรงไฟฟ้าอิสระขนาดเล็ก (เอสพีพี) การลดกำลังการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประเภทที่หยุดจ่ายไฟฟ้าได้ทันที รวม 3 แห่ง กำลังการใช้ไฟฟ้ารวม 56 เมกะวัตต์ การลดกำลังการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมในสังกัดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อีก 58 เมกะวัตต์ การหยุดเดินเครื่องการผลิตของโรงงานในเครือปูนซิเมนต์ไทยอีก 100 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีการย้ายระบบส่งไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีปริมาณไฟฟ้าสำรองสูงๆ ไปยังพื้นที่ที่มีไฟฟ้าสำรองลดต่ำลง ซึ่งทำให้ในวันที่ 5 เม.ย. จะมีปริมาณไฟฟ้าสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าปัญหาที่ห่วงว่าจะเกิดไฟตกไฟดับมีโอกาสน้อยมาก ทั้งนี้ หากเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ ในวันดังกล่าว และมีความจำเป็นต้องดับไฟฟ้า กฟผ.จะแจ้งให้ กฟน.และ กฟภ. ทราบล่วงหน้าว่าจะต้องงดจ่ายไฟฟ้าให้ทั้งสองการไฟฟ้าในปริมาณเท่าใด โดยขณะนี้ กฟผ. จ่ายไฟฟ้าให้ กฟน.30% ของกำลังการผลิตรวม ขณะที่จ่ายให้ กฟภ. 70% ของกำลังการผลิตรวม ยกตัวอย่างเช่น หากจะมีการดับไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ ก็จะแบ่งเป็นสัดส่วนดังกล่าว ดับในส่วนของ กฟภ. 70 เมกะวัตต์ ดับในส่วนของ กฟน. 30 เมกะวัตต์ ส่วนจะดับในพื้นที่ใดบ้าง ก็ต้องมอบให้ทั้งสองการไฟฟ้าเป็นผู้พิจารณา

นายธนา กล่าวว่า หากต้องมีการดับไฟฟ้าเกิดขึ้นจริงๆ ก็ต้องเลือกดับในพื้นที่ที่ห่างไกล หรือย่านชานเมืองที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ และจะเวียนดับเป็นพื้นที่ที่ละ 1-2 ชั่วโมงสลับกันไป โดยคณะกรรมการฯ ได้กำหนดว่าพื้นที่ที่ต้องไม่มีการดับไฟฟ้า อาทิ โรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม แหล่งธุรกิจขนาดใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของประเทศ เป็นต้น และหากในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ไม่มีสภาพอากาศที่ร้อนเหมือนในช่วงวันที่ 3-4 มี.ค.นี้ ก็จะถือเป็นความโชคดีของประเทศไทย ที่อุณหภูมิลดลงกะทันหันทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงทันที โดยเมื่อวันที่ 3 มี.ค. อากาศที่หนาวเย็นขึ้นทั่วประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง 1,400 เมกะวัตต์ และวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยลดลง 2,000 เมกะวัตต์

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

 

 
Shares:
QR Code :
QR Code