ไข้หวัด 2009 ระบาด ป้องกันอย่าปิดข้อมูล
ทางรอดที่ต้องช่วยกัน
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งแต่ 28 เมษายน 2552-24 ตุลาคม 2552 มีคนไทยติดเชื้อและมีภูมิต้านทานโรคแล้วประมาณ 6 ล้านคน พบผู้เสียชีวิต 182 ราย เป็นชาย 90 ราย หญิง 92 ราย และคาดการณ์ว่าในช่วงการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระลอก 2 ยังเหลืออีก 15 ล้านคนที่สามารถป่วยได้อีก
ถือเป็นตัวเลขที่น่ากังวลไม่น้อย เพราะหากเทียบบัญญัติไตรยางค์ หากมีคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 15 ล้านคน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์ จะมีผู้เสียชีวิตเฉียดๆ 500 ราย เนื่องจากขนาดการระบาดระลอกแรกมีผู้ติดเชื้อ 6 ล้านคน ยังมียอดผู้เสียชีวิตถึง 182 ราย
ยิ่งสภาวะอากาศหนาวปีนี้มาเร็วกว่าปกติ หลายพื้นที่ในประเทศไทยมีอุณหภูมิเย็นลง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เชื้อไวรัสจะฟักตัวอยู่ได้นาน การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะรวดเร็วและรุนแรงกว่าการระบาดระลอกแรก ที่สำนักระบาดวิทยา สำรวจพบว่า 10 จังหวัดแรกที่มีอัตราป่วยสะสมต่อประชากรแสนคนมากที่สุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ 131.41 ต่อแสนประชากร จ.เชียงราย 102.01 ต่อแสนประชากร จ.สงขลา 93.58 ต่อแสนประชากร จ.พะเยา 93.36 ต่อแสนประชากร จ.ภูเก็ต 89.29 ต่อแสนประชากร จ.นครนายก 82.95 ต่อแสนประชากร จ.นนทบุรี 73.15 ต่อแสนประชกร กทม. 71.25 ต่อแสนประชากร จ.ตรัง 67.33 ต่อแสนประชากร และ จ.ลำปาง 65.66 ต่อแสนประชากร
การที่กระทรวงสาธารณสุข ออก 3 มาตรการในการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระลอก 2 โดยมาตรการแรกเฝ้าระวังโรคทั้งในและนอกประเทศ และให้ยกเลิกการใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิหรือเทอร์โมสแกน (Thermoscan) ซึ่งใช้เฝ้าระวังโรคภายในประเทศและด่านสุวรรณภูมิ เนื่องจากเครื่องมือไม่สามารถป้องกันการระบาดของโรคได้ และใช้วิธีผลิตสื่อให้ความรู้กับผู้เดินทางแจกที่ด่านสุวรรณภูมิ
มาตรการสอง ดูแลรักษาพยาบาล โรงพยาบาลทุกระดับเตรียมความพร้อม เช่น วัสดุ อุปกรณ์ ยา ครุภัณฑ์ การตรวจวินิจฉัยโรคที่รุนแรง การระบาดและการเสียชีวิต การจัดระบบโซนนิ่ง (Zoning) กำหนดพื้นที่รับผิดชอบ และการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงรักษาต่อ โดยมีโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเป็นที่ปรึกษา
มาตรการสาม มาตรการทางสังคม ทั้งการให้คำแนะนำในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการของจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดและปศุสัตว์ เพื่อผลักดันให้ทุกหน่วยงานในแต่ละจังหวัดจัดทำแผนบูรณาการ
แม้ภาพรวมทั้ง 3 มาตรการ จะดูคลอบคลุมระวังป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขควรเน้นเป็นพิเศษ คือต้องพยายามให้ผู้คนในสังคมตื่นตัวในการระวังป้องกันตัวเอง เพราะหลังจากที่การรณรงค์ป้องกันไข้หวัดใหญ่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเงียบลง ความตื่นกลัวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ก็ลดน้อย จนลืมมาตรการป้องกันขั้นพื้นฐาน ทั้งกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ไปอย่างน่าเป็นห่วง
ดังนั้น เมื่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หวลกลับมาแพร่ระบาดระลอกสองอีกครั้ง ทั้งรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีประสบการณ์จากการระบาดในครั้งแรกแล้ว ครั้งนี้ก็ควรต้องหันมาให้ความสนใจและร่วมกันระวังป้องกัน ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย จนมีผู้เสียชีวิตชนิดเป็นใบไม่ร่วง รวมทั้งอย่าปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากมีสิ่งใดที่ประชาชนควรรับรู้รับทราบ ทุกอย่างต้องรีบทำให้กระจ่างและเกิดความชัดเจน อย่าปล่อยให้ซ้ำรอยเหมือนช่วงแรกๆ ที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาดในสังคมไทย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update: 04-11-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร