ไขข้อสงสัย! “แพ้ยา” เกิดจากอะไร? เรื่องควรรู้ก่อนใช้ยา
ที่มา : อ.พญ.วรรณดา ไล้สวน สาขาวิชาโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
“อาการแพ้ยา” เกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไวเกินไปต่อตัวยาชนิดนั้น ๆ จึงแสดงอาการแพ้ออกมา โดยอาการแพ้ยามีหลายอย่าง เช่น เกิดผื่นขึ้นตามผิวหนัง ตับอักเสบ และอาการอื่น ๆ ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกระบบในร่างกาย อาการแสดงและความรุนแรงของการแพ้ยาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอาจเป็นที่ตัวคนไข้เองหรือขึ้นอยู่กับชนิดของยา
“แพ้ยา” มีอาการอย่างไร?
“แพ้ยา” แสดงออกได้หลากหลายอาการ ได้แก่ ผื่นขึ้น ลมพิษ แน่นหน้าอก หลอดลมตีบ ความดันตก ปากบวม หน้าบวม ลิ้นบวม เป็นต้น แต่คนส่วนใหญ่มักสังเกตเห็นอาการแสดงที่ผิวหนังได้ก่อนระบบอื่น เพราะสามารถสังเกตได้ง่าย ส่วนอาการแพ้ยาที่รุนแรงนั้นอาจทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียวรวมทั้งมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น อาการทางผิวหนังที่มีการหลุดลอก ทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง เป็นต้น
แพ้ยา มีกี่แบบ ?
อาการแพ้ยา สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน โดยใช้ระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยาเป็นเกณฑ์
- แบบฉับพลัน คือแสดงอาการแพ้ยาหลังได้รับยาภายใน 1 ชั่วโมง
- แบบไม่ฉันพลัน คือแสดงอาการแพ้ยาหลังได้รับยาเกิน 1 ชั่วโมง
“ชนิดยา” ที่มักทำให้เกิดอาการแพ้
ยาที่มักทำให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ กลุ่มยาปฏิชีวนะ Penicillin, Cephalosporin กลุ่มยารักษาโรคเกาต์ ชนิดที่พบบ่อยเป็น Allopurinol กลุ่มยากันชัก เช่น Carbamazepine, Phenobarbital เป็นต้น นอกจากนี้ยังมียาชนิดอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ กลุ่มยาแก้ปวด โดยเฉพาะ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), กลุ่มยารักษาวัณโรค เป็นต้น
กลุ่มเสี่ยงต่อ “อาการแพ้ยา”
กลุ่มเสี่ยงต่ออาการแพ้ยา คือผู้ป่วยด้วยโรคบางโรค เช่น คนไข้ที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ หรือผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง เช่น ผู้ป่วยภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) กลุ่มคนไข้มะเร็งเม็ดเลือดขาว กลุ่มคนไข้ติดเชื้อไวรัส เช่น ผู้ป่วยเอชไอวี (HIV) เป็นต้น
ข้อควรระวังต่ออาการ “แพ้ยา” คือสังเกตอาการหลังได้รับยาภายใน 1 ชั่วโมง (ระวังอาการแพ้ยาแบบฉับพลัน) และภายใน 2-3 วันหลังรับยา (ระวังอาการแพ้ยาแบบไม่ฉับพลัน) หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น มีผื่นขึ้น เกิดลมพิษ และอื่น ๆ ควรหยุดยาและรีบพบแพทย์ทันที ทั้งนี้อาการแพ้ยาส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม โดยไม่จำเป็นว่าพ่อแม่มีอาการแพ้ยาแล้วลูกจะต้องแพ้ยาชนิดเดียวกัน
หากมีอาการแพ้ยา ควรทำอย่างไร ?
- หยุดยาและรีบพบแพทย์ หากพบว่ามีอาการผิดปกติหลังได้รับยาภายใน 1 ชั่วโมงหรือภายใน 2-3 วัน
- ควรนำยาที่ตนเองได้รับติดตัวไปด้วย เพื่อให้แพทย์พิจารณา
- ควรถ่ายภาพความผิดปกติของตนเองที่เกิดขึ้นเก็บไว้ เพื่อให้แพทย์พิจารณาประกอบ เช่น ภาพผื่น เพราะผื่นบางชนิดเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะแล้วหายไป
- หลีกเลี่ยงการทำให้อาเจียน และการซื้อยาแก้แพ้กินเอง
- หากมีประวัติแพ้ยาควรจดจำชื่อยาที่ตนเองแพ้ และแจ้งแพทย์ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา