โอกาสดีสร้างสุขภาพคนไทยวิกฤติน้ำมันปาล์มขาดแคลน
กลายเป็นปัญหาความเดือดร้อนด้านปากและท้องของคนไทยทันทีเมื่อราคาน้ำมันปาล์มขยับขึ้นมาขายลิตรละ 50 บาทจากเฉลี่ย ราคา 45-47 บาท สาเหตุมาจากผลผลิตปาล์มดิบในประเทศมีปริมาณน้อยกว่าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ไว้ เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่ผ่านมาทำให้ผลปาล์มฝ่อ ส่งผลต่อผลผลิตลดน้อยลง ประกอบกับชาวสวนปาล์มเร่งตัดผลปาล์มก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำมันปาล์มส่วนหนึ่งไปผลิตไบโอดีเซล ปัจจุบันประเทศผลิตน้ำมันดีเซล 2 ประเภท คือ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 3 และน้ำมันไบโอดีเซลบี 5
ตัวเลขการใช้น้ำมันปาล์มของประเทศอยู่ที่ 9 แสนตันต่อปี โดยนำมาผลิตเป็นพลังงาน ปีละ 3.8 แสนตัน แต่ปัจจุบันสต๊อกของปริมาณน้ำมันปาล์มล่าสุดเมื่อเดือนม.ค.เหลือ 4 หมื่นตัน ถือว่าประสบความขาดแคลนอย่างหนัก โดยรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติด้วยการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 3 หมื่นตันเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อจะนำมาผลิตเป็นปาล์มน้ำมันขวดขนาด 1 ลิตร 22 ล้านขวด กระจายสู่ตลาดก่อน โดยเป็นปาล์มน้ำมันฝาขวดสีฟ้า จำหน่ายในราคาควบคุมคือขวดละ 47 บาท และนำมาบรรจุถุงราคา 45 บาท
น้ำมันปาล์มเหมาะสำหรับทำอาหารประเภททอด เพราะทำให้อาหารกรอบและสุกเร็ว คนไทยบริโภคอาหารประเภทนี้จนเป็นความเคยชิน ทั้งที่ย้อนไปเมื่ออดีต เมนูอาหารไทยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันมาประกอบอาหาร
นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า 30 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นคนไทยบริโภคน้ำมันไม่เกิน ร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ มีการบริโภคน้ำมันที่ได้ทั้งจากไขมันของพืชและสัตว์ไม่เกิน ร้อยละ 10-20 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ในภาคอีสานอยู่ระหว่าง 8-15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนภาคกลางบริโภคอยู่ที่ 15-25 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงนั้นแทบไม่มีคนอ้วนเลย แต่จากการเก็บตัวเลขที่การบริโภคน้ำมัน ล่าสุด พบว่าขณะนี้ ตัวเลขของการบริโภคน้ำมันของคนไทยเพิ่มเป็น ร้อยละ 15-34 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ ภาคกลางบริโภค ไขมันอยู่ที่ ร้อยละ 19-41 เปอร์เซ็นต์ เพิ่ม 11 เปอร์เซ็นต์ โดยสรุปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาคนไทยบริโภคไขมัน และน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจนจะเกิดภาวะเกิน เหตุผลคือ มีการปลูกปาล์มกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ทำให้มีปริมาณน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันราคาถูกหาซื้อได้ง่าย ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีตัวอย่างการกินพลังงานแล้วไม่เกินคือ ญี่ปุ่น เป็นเพราะเมนูอาหารที่ไม่นิยมใช้น้ำมัน แม้ว่าน้ำมันจะมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายในยุคสมัยนี้
นายแพทย์ไกรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากน้ำมันราคาถูกส่งผลให้มีการบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้คนกินเพิ่มโดยไม่ระวัง เวลาปรุงอาหารแทนที่จะใช้น้ำมันนิดเดียว ก็ใส่เพิ่มขึ้นเช่นอาหารประเภทผัด ทอด ทั้งหลาย เช่นผัดไทย หอยทอดเป็นตัวอย่างการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมันในปริมาณมากเกินความจำเป็น สังเกตได้คนไทยอ้วนขึ้นอย่างชัดเจน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในมหาวิทยาลัยมี นศ.อ้วนเพิ่มขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ แต่มาวันนี้น้ำมันปาล์มปรับราคาขึ้นขวดละ 50 บาท ทำให้เกิดความเดือดร้อนกันทั่ว
“ในทางโภชนาการวิกฤติน้ำมันปาล์มแพงนี้ถือเป็นโอกาส ที่ต้องหาแนววิธีบริโภคไขมันให้น้อยลง เมื่อจำกัดการกินน้อยลง ความต้องการทางตลาดก็จะลดลงได้เช่นกัน พยายามกินน้ำมันให้เหมาะสมกับอาหาร”
ด้าน สง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโครงการพัฒนาโภชนาการสมวัย สสส.และกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์บริโภคน้ำมันของคนไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากคนไทยกินของผัดและทอดสูงขึ้น จากเกณฑ์ปกติร่างกายควรได้รับน้ำมันจากการบริโภคไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งหากการบริโภคเกินขนาดร่างกายใช้ไม่หมดเกิดปัญหาอ้วนลงพุง เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคหอบ ดังนั้นในระหว่างที่น้ำมันปาล์มแพงขึ้น เราควรฉวยโอกาสนี้ลดกินของผัดและทอด หันมากินของต้ม ย่าง ยำ นึ่งแทน
ที่ปรึกษาสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อาหารไทยเมนูดั้งเดิมส่วนใหญ่จะรับประทานน้ำพริก ผักต้มผักสด อาหารประเภทแกง ใส่มะพร้าวบ้างเพื่อเป็นแกงกะทิ ขณะที่ในอาหารภาคอีสานเรียกว่าแทบไม่ต้องใช้น้ำมันในการปรุงเลย จะเน้นอาหารปิ้ง ย่าง ส้มตำ ในอดีตอาหารอีสานที่ใช้กระทะมีน้อยมาก คนอีสานหันมาใช้กระทะมาเป็นภาชนะเพราะเมนูไข่เจียวที่ได้มาจากคนภาคกลาง ประกอบกับน้ำมันราคาถูกจึงเป็นอาหารยอดนิยมเกือบทุกภูมิภาคไป
“น้ำมันมีความสำคัญต่อการบริโภคของมนุษย์โดยทั่วไปคนเราต้องได้รับพลังงานจากไขมัน แต่ละคนควรจะบริโภคระหว่างร้อยละ 15-30 ของพลังงานที่ต้องการในแต่ละวันอันนี้เป็นพื้นฐานและหลังจากนั้น คงไปมองในแง่ของคุณภาพของน้ำมัน เช่น น้ำมันที่ดีมาก ๆ คือที่มาจากปลา มาจากเนื้อปลา น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม ในขณะเดียวกันต้องรับประทานให้สมเหตุสมผล ไม่มากจนเกินไป ไม่น้อยจนเกินไป” นักโภชนาการย้ำถึงประโยชน์ของน้ำมันที่มีต่อร่างกาย
ทั้งนี้ การนำเข้าน้ำมันปาล์มในรอบแรกยังไม่เพียงพอ กระทรวงพาณิชย์เตรียมนำเข้าอีกแสนตันต่อจากนี้ แต่ครั้งนี้ราคาขายอาจต้องปรับขึ้น เพราะต้นทุนเพิ่ม เพราะตัวเลขล่าสุดน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ของมาเลเซียในช่วงนี้เพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัมละ 40 บาท สูงกว่าช่วงกลางเดือน ม.ค. 54 ที่รัฐบาลเปิดน้ำเข้าจากมาเลเซียที่ตกเพียงกิโลกรัมละ 36.50 บาท
วิกฤติน้ำมันปาล์มครั้งนี้คงต้องมาทบทวนถึงเมนูอาหารแบบไทย ๆ ที่อร่อยได้แบบไม่พึ่งพาน้ำมัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์