โลกของ “ผู้สูงอายุไทย”

ส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพื่ออยู่อย่างสุขยามชรา

 

 โลกของ “ผู้สูงอายุไทย”

          ต้องยอมว่าความสำเร็จทางด้านสุขภาพอนามัย และความก้าวหน้าทางการแพทย์ของสังคมไทย มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ประเมินได้จากตัวเลขของผู้สูงอายุที่มีเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี แบบว่ามีคนแก่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปริมาณของคนตายลดน้อยลงนั่นเอง ความก้าวหน้าดังกล่าวนี้ หากจะมองเพื่อแยกแยะถึงสิ่งที่ดีกับสิ่งที่ไม่ดี คงจะบอกได้ว่ามีอยู่ทั้งสองประเด็น เพราะบนโลกใบนี้ทุกอย่างย่อมมี 2 ด้านทั้งสิ้น

 

          ในส่วนที่เป็น “ของดี” สังคมไทย จะได้ปราชญ์อันเกิดขึ้นจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ยาวนานเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าปราชญ์เหล่านี้ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลังได้อย่างมากมายมหาศาล เพราะประสบการณ์เป็นทฤษฎีที่ลงตัวที่สุดของวิชาการ คนที่สามารถนำเอาคุณประโยชน์จากผู้สูงอายุมาทำประโยชน์ให้กับคนเองและสังคมได้ คือคนที่มีโลกทัศน์และความคิดก้าวหน้า ไม่เป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่นที่มองไม่เห็น ความสำคัญของประสบการณ์

 

          ในส่วน “ของเสีย” ที่มีผู้สูงอายุมากขึ้น คือ ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุถดถอยลงไป หากไม่มีการรองรับเพื่อการเกื้อกูลให้ผู้สูงอายุได้มีโอกาสเช่นเดียวกับคนในวัยหนุ่มวัยสาว

 

          ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ยส.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.), คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) และหน่วยวิจัยสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันจัดเสวนา เรื่อง “สังคมไทยกับการสร้างพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุ” ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สังคมตระหนักถึงการรองรับและสนับสนุนให้สังคมของผู้สูงอายุอยู่อย่างเป็นสุข สามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

          โดยจะนำผลจากการเสวนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สูงอายุไทย ทั้งในระดับชุมชนและระดับนโยบายแห่งชาติ ซึ่งหมายถึงว่ามิใช่เพียงแค่ภาคเอกชนเท่านั้นที่จะต้องเอาใจใส่ต่อผู้สูงอายุ แม้แต่ภาครัฐก็ควรที่จะมองเห็นคุณค่า และสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ชนของผู้สูงอายุเช่นกัน

 

          จากสถิติข้อมูลที่ได้รับจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ, สำนักงานสำมะโนประชากรของประเทศ, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และองค์การสหประชาชาติ พบว่า ยอดผู้สูงอายุมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึงปีละ 2 แสนคน และมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

          จากสถิติตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 พบว่า มีผู้สูงอายุอยู่ในประเทศ คิดเป็นจำนวนร้อยละ 5.4 และ ในทุกๆ สิบปี จะมีการเก็บสถิติออกมาเผยแพร่ พบว่า ทุกๆ สิบปี ปริมาณของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงปีนี้ มีปริมาณผู้สูงอายุเกินกว่า 10% แล้ว และมีการวิจัยอันเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกว่า ประเทศที่มีผู้สูงอายุเกินกว่า 10% จำเป็นต้องมีแนวทางในการพัฒนา ดูแลและส่งเสริมให้ผู้สูงเหล่านี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เป็นเกณฑ์มาตรฐาน

 

          จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีเกณฑ์มาตรฐานความเป็นอยู่ในระดับที่เข้ามาตรฐาน ประมาณ 43% และผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 80 ปีขึ้นไป กลายเป็นปัญหาที่ต้องเอาใจใส่ ทางความเป็นอยู่ทางด้านสุขภาพพลานามัย และทางการเอาใจใส่เลี้ยงดู ที่ทั้งภาครัฐและเอกชน จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาแก้ไข และช่วยเหลือส่งเสริมโดยด่วน เพราะต้องยอมรับอย่างเป็นทางการได้แล้วว่าวันนี้สังคมไทยจัดอยู่ในประเภทสังคมผู้สูงอายุแล้ว

 

          จึงเป็นเรื่องที่ต้องออกมาชมเชยต่อการคิดไกล มองไกล ของหน่วยงานดังกล่าว ที่ออกมาร่วมกันเสวนา กระตุ้น ส่งเสริม และปลุกจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบของคนในสังคมให้หันมาเอาใจใส่กับผู้สูงอายุให้มากขึ้น เพื่อจะได้มีปริมาณของผู้สูงอายุที่มีคุณภาพมีประสิทธิภาพ และมีความสุขของผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตรงกับคติความเชื่อทางวัฒนธรรม ประเพณี และศาสนาที่ให้รู้ถึงความกตัญญู กตเวทีและรำลึกถึงผู้มีพระคุณ

 

          นอกเหนือจากที่หน่วยงานดังกล่าวได้มีการจัดเสวนา กระตุ้น และปลุกจิตสำนึกดังกล่าวแล้ว ยังได้มีการจัดให้มีการประกวด เพื่อการส่งเสริมคุณค่าชีวิตของผู้สูงอายุให้มีมาตรฐานมากยิ่ง โดยการจัดให้มีการประกวดอาคารสถานที่ที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุไทย

 

          สำหรับหลักเกณฑ์ของการประกวดให้เกิดอาคาร สถานที่ที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเป็นแหล่งที่ให้ความปลอดภัย ให้ความสะดวก ลดการพึ่งพา มีอิสระในการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุอย่างมีความสุข และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อความสุขให้กับผู้สูงอายุที่เข้าไปสัมผัส

 

          ทั้งนี้กำหนดให้อาคารสถานที่ที่ระบุเพื่อผู้สูงอายุในสามประเภท คือ สวนสาธารณะ, วัด, และตลาด ร้านค้า ผลจากการเข้าประกวดและมีการตัดสินออกมาแล้ว ปรากฏว่ามีอาคารสถานที่ที่ได้รับรางวัลชมเชย ดังนี้

 

          ประเภทวัด ได้แก่ วัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี, วัดมงคลโกวิทาราม จ.อุบลฯ และวัดปงคก องค์การบริหารส่วนตำบลหลวงใต้ จ.ลำปาง

 

          ประเภทสวนสาธารณะ ลานชุมชน สถานที่จัดกิจกรรมตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลปากท่อ จ.ราชบุรี, เทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา จ.เชียงใหม่, ศูนย์อเนกประสงค์สำหรับผู้สูงอายุในชุม เทศบาลเมือง จ.สกลนคร

 

          ประเภทตลาด ได้แก่ ตลาดศูนย์ผลิตภัณฑ์และการท่องเที่ยว นครชากังราว จ.กำแพงเพชร

 

          จำไว้ว่า ผู้สูงอายุ มิใช่ปูชนียบุคคลของครอบครัวเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นภูมิปัญญา (ที่ควรรักษา) แห่งสังคมอีกด้วย

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

Update 13-05-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

Shares:
QR Code :
QR Code