“โรงอาหารมาตรฐาน-อาหารปลอดภัย”
มรภ.เพชรบูรณ์ ตั้งเป้ามหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์มีบุคลากรและนักศึกษารวมกว่า 8 ,000 คน จากการศึกษาพบว่าส่วนใหญ่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขภาวะจากการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การขับขี่ไม่ปลอดภัย การบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัย การขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทำให้เกิดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆตามมา
“โครงการสร้างเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์” จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายและกลไกที่ครอบคุลมทุกบริบทในการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาวะขึ้นกับบุคลากร นักศึกษา ประชาชนและชุมชนในท้องถิ่น เพื่อที่จะพัฒนาไปสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาวะ” ภายใต้การสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นายสุชิน อินสา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ม.ราชภัฏเพชรบูรณ์ เปิดเผยถึงการดำเนินงานโครงการว่าใช้วิธีแบบป่าล้อมเมือง ด้วยการแบ่งการทำงานออกเป็นกิจกรรมย่อยๆ ถึง 31 กิจกรรมให้ครอบคลุมกับความต้องการ และพฤติกรรมของตัวนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร ด้วยการสร้างความตระหนักเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง โดยมีจุดมุ่งหมายคือการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ
“มหาวิทยาลัยสุขภาวะจะช่วยลดงบประมาณในการรักษายามเจ็บไข้ได้ป่วย ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของบุคลากรก็ลดลงเพราะไม่ต้องไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือซื้อยากินเอง และยังก่อให้เกิดแนวร่วมในการทำงานด้านสุขภาวะกับบุคคลภายนอกของมหาลัย ที่สุดแล้วเมื่อบุคลากรทั้งหมดของเรามีร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิต สุขภาพกายที่ดี ก็จะสละเวลาทุ่มเททำงานให้กับองค์กร ส่งผลให้มหาวิทยาลัยบรรลุเป้าหมายในการดำเนินงานต่างๆ ได้ดีขึ้น” นายสุชินระบุ
โดยกิจกรรมหรือโครงการที่กล่าวได้ว่าเป็นต้นแบบหรือ best practices ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือโครงการส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรม และเศรษฐกิจพอเพียง “กล้านำเพชรบูรณ์” และ โครงการส่งเสริมด้านอาหาร “โรงอาหารมาตรฐาน–อาหารปลอดภัย”
นายไพโรจน์ พรเจริญ ผู้ประสานงานกิจกรรมกล้านำ กล่าวว่ากิจกรรมนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มนักศึกษาและเยาวชนจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดใกล้เคียงที่เข้าร่วมโครงการได้มีความรู้ในเรื่องของการส่งเสริมสุขภาวะ เรื่องของยาเสพติด การประพฤติปฏิบัติตัว โดยนำหลักศาสนามาเป็นตัวนำสร้างความศรัทธา สอดแทรกในเรื่องของการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไป เพื่อสร้างให้เด็กเป็นคนที่มีจิตสาธารณะคิดและทำเพื่อสังคมส่วนรวม
“เราก็จะได้เยาวชนเหล่านี้ไปเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต และเราได้แฝงในเรื่องของสุขภาวะเข้าไปในหลักสูตรเพื่อที่หวังว่าเขาจะเอาความรู้ที่ได้จากกิจกรรมนี้ไปขยายผลต่อ ไปเป็นผู้นำของแต่ละโรงเรียน ของแต่ละชุมชน ให้เขาได้เผยแพร่ความคิดในเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพออกไป สร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนต้นแบบด้านสุขภาวะให้กระจายลงไปในแต่ละพื้นที่” นายไพโรจน์ระบุ
ด้าน นางสาวนฤมล บุญใหญ่ ผู้ดูแลโครงการส่งเสริมด้านอาหารเปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคของบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์พบว่า เจ้าหน้าที่และนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่นิยมรับประทานอาหารเช้า และขาดความมั่นใจในคุณภาพของอาหารที่บริโภค มีบุคลากรหลายคนที่อยู่ในภาวะโภชนาการเกิน ชอบรับประทานอาหารรสจัด ติดรสหวาน เค็ม เผ็ด
“ในส่วนของบุคลลากรและนักศึกษาเราได้จัดอบรมให้ความรู้และผลเสียที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้องและรณรงค์ในเรื่องของรับประทานอาหารเช้าเพื่อให้เกิดความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ใน ส่วนของผู้ประกอบการก็ได้จัดอบรมปฏิบัติการเรื่องสุขลักษณะที่ดีในการประกอบอาหารและอาหารปลอดภัยร่วมกับนักศึกษา โดยมีสาธารณสุขจังหวัด สถานีอนามัยสะเดียง โรงพยาบาลจังหวัดเพชรบูรณ์มาร่วมให้ความรู้ และมีการสุ่มตรวจคุณภาพอาหารอย่างสม่ำเสมอ มีการประกวดร้านอาหารสะอาด รสชาติอร่อย และมีวิธีการกำจัดขยะที่ถูกต้อง ตามมาตรฐาน 16 ข้อของมาตรฐานอาหารปลอดภัย รวมไปถึงการปรับปรุงและจัดสถานที่รับประทานอาหารให้สวยงามและถูกสุขลักษณะ เน้นการกำจัดขยะที่ถูกต้องและลดปัญหามลพิษต่อสภาพแวดล้อมด้วยการคัดแยกขยะ โดยขยะที่เป็นเศษอาหารก็จะถูกนำไปทำเป็นปุ๋ยชีวภาพเพื่อแจกคืนให้กับชุมชนรอบๆ มหาวิทยาลัยอีกด้วย” นางสาวนฤมลกล่าว
“ปัจจุบันสุขภาพและอนามัยโดยรวมของนักศึกษาก็ดีขึ้น เป็นผลมาจากร้านอาหารในโรงอาหารของเราได้มาตรฐาน green food good taste ทุกร้าน ซึ่งการที่ร้านอาหารได้มาตรฐานก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภคทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร และเรายังมีสวนสุขภาวะ มีสถานที่ออกกำลังกายหลายแห่งเพิ่มขึ้นภายในมหาวิทยาลัย” อาจารย์สุชินระบุถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัดหลังจากเริ่มดำเนินงานโครงการ
นายบุญเลิศ อัตตชีวะ อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่การเงิน เป็นบุคคลากรอีกคนหนึ่งที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุภาพ โดยปัจจุบันได้เลิกสูบบุหรี่ เพราะเริ่มตระหนักและเห็นความสำคัญของการรักษาสุขภาพซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ได้ทำการประชาสัมพันธ์ในเรื่องของสุขภาวะอย่างจริงจังและต่อเนื่องจนเริ่มนึกถึงผลเสียที่เกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัว
“สูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 19 เลิกบุหรี่มาได้ 1 ปีกว่าๆ แล้ว พอเลิกแล้วสุขภาพก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไม่เหนื่อยง่าย อาการหอบหรือไอเรื้อรังก็หายไป ลูกชายทั้ง 2 คนก็เห็นตัวอย่างจากเราก็เลิกสูบบุหรี่ตามไปด้วย ประหยัดรายจ่ายค่าบุหรี่ไปได้ไม่น้อยว่าวันละ 60-70 บาท” นายบุญเลิศกล่าว
นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการสร้างการเรียนรู้และสุขภาวะองค์กร สสส. กล่าวว่าโครงการนี้เป็นการทำงานเพื่อสร้างสุขภาวะผ่านองค์กรต่างๆ เช่นสถาบันศึกษา สถานประกอบการ องค์กรภาครัฐต่างๆ เป็นต้น โดยจะเน้นไปที่เรื่องของระบบการทำงาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดเป็นนโยบายภายในมหาวิทยาลัยในเรื่องของการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งผลที่ได้ก็คือเกิดการพัฒนาไปที่ตัวกลุ่มบุคลากรต่างๆ ในองค์กร ทั้งนักศึกษา อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย
“เป้าหมายของโครงการนี้ก็คือ การขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยมีกลไกลรองรับการทำด้านการสร้างเสริมสุขภาพไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการนี้จะสร้างให้เกิดนวัตกรรมและเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เกิดทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพขึ้นในระดับองค์กร ซึ่งนอกจากจะมองไปที่การพัฒนาบุคคลากรของสถาบันแล้วเรายังมองไปถึงชุมชนที่อยู่รอบๆ เพราะบทบาทและภารกิจของมหาวิทยาลัย นอกจากเรื่องของการผลิตบัณฑิต การพัฒนาเชิงวิชาการแล้ว ยังมีบทบาทเรื่องของการให้บริการชุมชนด้วย” นางเพ็ญพรรณกล่าวสรุป.
ที่มา : สำนักสนับสนุนการสร้างการเรียนรู้และสุขภาวะองค์กร สสส.
update: 13-01-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: อภิชัย วรสิทธิ์ขจร