“โรคอ้วน” ขจัดได้ ง่ายนิดเดียว

เครือข่ายคนไทยไร้พุง จับมือโรงพยาบาลกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ เป็นเครือข่าย “คลินิกลดอ้วน” ในโครงการ “รวมใจลดพุงทั่วไทย ถวายไท้องค์ราชัน 84 พรรษา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554”

“โรคอ้วน” ขจัดได้ ง่ายนิดเดียว

ก่อนหน้านี้คนอ้วนไม่ถือเป็นโรค แต่ปัจจุบันจัดเป็น “โรคอ้วน” เนื่องจากก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ โรคอ้วนเป็นโรคเกิดจากสาเหตุหลายๆ อย่างทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เกิดจากการไม่ยับยั้งชั่งใจในการบริโภค เห็นอะไรที่ชอบก็กินเข้าไป โดยไม่มีการออกกำลังกายเผาผลาญส่วนที่เกิดออกมาบ้าง

บางคนอาจมีความสุขกับการกิน จนไม่รู้ว่าภัยที่ตามมามีมากหมายแค่ไหน ที่เราเห็นๆ กันอยู่ตามข่าวทางสื่อต่างๆ ว่า คนมีน้ำหนักมากเกินพิกัดลดอย่างไรก็ไม่ลง จนไปไหนมาไหนไม่ได้ ถึงขั้นต้องให้หมอช่วยผ่าตัดเย็บกระเพาะอาหารให้เล็กลงก็มีให้เห็นมาแล้ว

การลดน้ำหนักเพียงบางส่วน สามารถก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ และมีผลต่อการรักษาโรคอ้วน เพราะหากทำไม่ได้ การรักษาโรคอ้วนก็ต้องรักษาตลอดชีวิตเหมือนโรคเบาหวาน

“โรคอ้วน” ขจัดได้ ง่ายนิดเดียว

ดังนั้นทางเครือข่ายคนไทยไร้พุง ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดทำโครงการ “รวมใจลดพุงทั่วไทย ถวายไท้องค์ราชัน 84 พรรษา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554”

โดยเชิญโรงพยาบาลที่มีประสบการณ์ในการจัดการโรคอ้วน หรืออ้วนลงพุง กว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ทั้งระดับโรงเรียนแพทย์, โรงพยาบาลทั่วไป, โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลชุมชน เข้าร่วมเป็นเครือข่าย “คลินิกลดอ้วน” และประกาศรับสมัครผู้ที่มีปัญหาอ้วนทั่วประเทศ คือมีดัชนีมวลกาย (bmi) 25 กิโลกรัม/ตารางเมตรขึ้นไป หรืออ้วนลงพุง คือผู้ชายมีรอบพุง 90 เซ็นติเมตรขึ้นไป และผู้หญิงมีรอบพุง 80 เซ็นติเมตรขึ้นไป โดยรวบรวมผู้ที่มีปัญหาอ้วนให้ได้น้ำหนักตัวรวมกัน 84 ตัน เข้าร่วมโครงการลดน้ำหนัก และดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เป็นบุคคลต้นแบบ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้และทักษะการลดน้ำหนักให้กับผู้อื่น

พญ.วรรณี นิธิยานันท์ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ ประธานคณะกรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง เผยว่า โครงการคนไทยไร้พุง ในภาพรวมมีจุดประสงค์ ก็เพื่อจะแก้ไขปัญหาน้ำหนักเกิน หรือที่เรียกว่า “โรคอ้วน” หรือ “อ้วนลงพุง”  ซึ่งเรารณรงค์ให้คนไทยรู้จักปัญหาที่เกิดจากโรคอ้วนว่ามีผลเสียอย่างไร ควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนักจากเดิม  ปรับเปลี่ยนพฤติกรมการกิน โดยยึดหลัก 3 อ.คือควมคุมอาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ที่สุดคืออยากให้เขาสามารถรักษาน้ำหนักที่ลดลงไม่ให้เพิ่มขึ้นอีก

“ช่วงที่ผ่านมาเราทำในองค์กร จัดเป็นกิจกรรมกลุ่ม ติดตามผลในระยะไม่ยาว 6 เดือน หรือ1 ปี ส่วนหนึ่งลดน้ำหนักได้ บางส่วนดีมากลดได้ ร้อยละ 5 หมายถึงคนที่น้ำหนัก 100 กิโลกรัม สามารถลดน้ำหนักได้ 5 กิโลกรัม ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ถึงร้อยละ 30 ของคนที่เข้าร่วมโครงการ แต่คนส่วนใหญ่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นจะลดน้ำหนักได้ประมาณมาณ 1-2 กิโลกรัม ที่เหลือทำอย่างไรก็ไม่ลด”

พญ.วรรณี ยังบอกอีกว่า ถ้าเราไม่ได้ติดตามใกล้ชิด นานๆ ไปติดตามที ในบางหน่วยงานบางคนน้ำหนักก็ขยับขึ้นมาอีก ซึ่งถือเป็นความล่มเหลวของการทำงาน แต่เท่าที่ผ่านมา คนไทยรู้ว่าอ้วนเป็นปัญหา รู้วิธีการลดน้ำหนักได้ผล และทำอย่างไรจะทำไม่ให้น้ำหนักกลับมาอีก ตอนนี้ถ้าเป็นคนที่มีน้ำหนักเกินจริงๆ อาจจะต้องดูแลใกล้ชิด ต้องมีคนติดดตามเขา เพราะการที่จะให้น้ำหนักคงอยู่ได้ ยากกว่าให้น้ำหนักลดเสียอีก 

“โรคอ้วน” ขจัดได้ ง่ายนิดเดียว “โรคอ้วน” ขจัดได้ ง่ายนิดเดียว

“โครงการนี้ต้องติดตามระยะยาว หลังสัมมนาไปแล้วตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ หวังว่าเมื่อทุกคนผ่านการลดน้ำหนักใน 3 เดือน ก็ต้องมาดูผลรวมคั้งแรกว่ามีกี่คนที่สามารถลดน้ไหนักได้ โดยเป้าหมายลดน้ำหนักเริ่มต้น ร้อยละ 5 พอสิ้นปี ก็มาดูอีกที่ว่าหลังการลดน้ำหนักเป็นอย่างไรซึ่งถือเป็นขั้นต้น ขั้นที่ 2 ลดต่อไปได้อีก ขั้นสูงสุดน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งเราไม่ได้หวังมากขนาดนั้น” พญ.วรรณี กล่าว

“โรคที่พบมากที่สุดในคนอ้วน อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ซึ่งเป็นโรคที่เราพบบ่อยๆ และโรคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น  ตับ ใต สมอง แม้กระทั้งมะเร็ง” ฟังชื่อโรคแล้ว ทั้งคนอ้วนและคนที่เข้าข่ายจะอ้วน ก็คงต้องทันมาใส่ใจตัวเองให้มาก ไม่เช่นนั้นคงต้องเข้าไปสังกัดชมรมคนอ้วนเป็นแน่

ดังนั้นก่อนหยิบอะไรเข้าปาก  พึงมีสติไว้เสมอว่า “เดี๋ยวอ้วน” รับรองคุณไม่ต้องพึ่งหมอแน่
 

ที่มา: สำนักข่าว สสส.

                              

 

Shares:
QR Code :
QR Code