โรคหัวใจ ภัยฟักตัวในเด็กอ้วน

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาโลกตามหลักพระพุทธศาสนาสรรพสิ่งสรรพชีวิตไม่อาจหลีกหนีความจริงนี้ไปได้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตหัวใจหยุดเต้นก็ตายสำหรับในคนหรือมนุษย์อย่างเราๆ นี้การจะเกิดหัวใจหยุดเต้นแล้วตายนั้นก็มาจากการกระทำหรือกรรมเหมือนกันอย่างที่รู้ๆ กันว่าคำว่ากรรมคือการกระทำกระทำในสิ่งที่จะนำทางไปสู่ผลให้หัวใจหยุดเต้น วันหนึ่งผลการกระทำนั้นย่อมเกิดเป็นรูปธรรมแน่นอน

อย่างที่กำลังจะพูดถึงการกระทำของเด็กๆ ในโลกนี้ที่นำอันตรายจนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นคือพฤติกรรมการกิน กินแล้วเกิดโรคอ้วนอ้วนแล้วเกิดโรคหัวใจ เฉพาะอย่างยิ่งเด็กหรือเยาวชนในประเทศไทยของเราตามที่มีการสำรวจพบสถิติเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าเป็นห่วง

สาเหตุไม่ได้อยู่ไกลตัวเด็กเลย ก็พ่อแม่ผู้ปกครอง ครู พ่อค้าแม่ค้าแล้วก็ผู้ผลิตสินค้า ที่ละเลยตามใจและมุ่งแต่ประโยชน์ตน จนนำความตายเข้าไปฝังไว้ในตัวลูกหลานอย่างนึกไม่ถึง

โรคอ้วนกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขในศตวรรษที่ 21 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกข้อมูลจากโครงการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบเด็กไทยดูดี มีพลานามัย ที่ทำการศึกษาโดยรศ.พญ.ชุติมา ศรีกุลชยานนท์ ภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ระบุว่า จากการสำรวจ พบว่านักเรียนในเขตกรุงเทพฯ มีสัดส่วนโรคอ้วนมากที่สุด โดยในปี พ.ศ.2555 ผลการสำรวจในเครือข่ายโรงเรียนรัฐ4 โรงเรียน พบนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีอัตราเกิดโรคอ้วนร้อยละ 21 ไขมันในเลือดสูงร้อยละ 66 และพบ 1 ใน3 ของเด็กอ้วนมีความดันโลหิตสูงร้อยละ10 มีปื้นดำที่คอ เป็นสัญญาณเตือนความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน

ปัญหาโรคอ้วนในเด็กเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่นน้ำอัดลม น้ำหวาน นมเปรี้ยว ขนมกรุบกรอบบริโภคผักผลไม้น้อย ขาดการออกกำลังกายใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูทีวีและเล่นเกม

ข้อมูลจาก รศ.พญ.ชุติมา ระบุด้วยว่า เด็กอ้วนยังเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดโรคดังกล่าวเป็นสาเหตุการเสียชีวิต 1ใน 3 อันดับแรกของประเทศไทย ก่อนจะถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดในเด็กน้ำหนักเกินและโรคอ้วน ก็จะเกิดโรคความดันโลหิตสูงเบาหวาน ยิ่งไม่มีการออกกำลังกาย บริโภคอาหารที่มีรสหวานมันเค็มจัด เป็นต้น โดยคนไทยมากกว่า 3 ใน 5 มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอย่างน้อย 1 อย่าง รวมถึงเด็กอ้วนที่หลีกเลี่ยงอันตรายนี้ยาก

ไม่เพียงแค่นั้นยังส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ มีการศึกษาในประเทศไทยพบว่าการเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดครั้งแรกจะมีค่ารักษาเฉลี่ยที่ 47,908 ล้านบาท

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจเป็นเรื่องยาก และต้องใช้เวลาแต่ก็ต้องทำโดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองครู เรื่องนี้ รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สสส. ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของ สสส.ในเรื่องภาวะโรคอ้วนว่าได้มุ่งการทำงานไปในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียน รณรงค์ประชาสัมพันธ์การจัดระบบอาหารและโภชนาการในโรงเรียน ให้มีเมนูชูสุขภาพมีการจัดอาหารให้เหมาะสมกับกลุ่มเด็กต่างๆ จัดอาหารให้เหมาะสมกับงบประมาณของโรงเรียนที่ได้รับ กระตุ้นให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมสนับสนุนงบประมาณค่าอาหารที่มีประโยชน์แก่เด็ก สนับสนุนหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับอาหาร การรณรงค์ให้รู้เท่าทันสื่อโฆษณาชวนเชื่อ เป็นต้น รวมถึงขอให้อปท.ส่งเสริมสนับสนุนการมีพื้นที่ทั้งในและนอกโรงเรียนให้เด็กได้ออกกำลังกาย ตลอดจนการรณรงค์สร้างความร่วมมือกับชุมชน ร้านค้าปลีกเกษตรกรตระหนักถึงภัยอันตรายจากโรคอ้วน เพราะการกินชนิดตามใจปากที่นำโรคภัยไข้เจ็บจนเสียชีวิตของลูกหลานก่อนวัยอันควร

เอาว่าวันนี้ลูกหลานอ้วนแล้วยังปรับตัวทัน หันมาปลูกฝังเด็กอ้วนกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย มีตัวอย่างที่ประสบผลยืดอายุการเสียชีวิตไปอีกยาวนาน เช่นนายอิทธิวัฒน์ วิจิตรกาญจน์นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนที่ครั้งหนึ่งเคยมีน้ำหนักตัวมากถึง 128 กิโลกรัม ที่กำลังมีอันตรายด้วยระบบทางเดินหายใจ และการเหนื่อยหอบง่ายจึงเริ่มควบคุมอาหารแล้วออกกำลังกาย7 เดือนทำให้น้ำหนักลดลงมาเหลือ75 กิโลกรัม ทั้งระบบการหายใจและการเหนื่อยง่ายบรรเทาลง

นั่นคือตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของโรคหัวใจที่ฟักตัวอยู่ในโรคอ้วนเพราะการกินและสามารถกำจัดมันออกไปจากร่างกายเด็กๆ ได้ก็ด้วยวินัยการกิน ชะลอการเสียชีวิตของลูกหลานตั้งแต่วันนี้ยังทันก่อนจะสายเกินไป

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

Shares:
QR Code :
QR Code