โรคลิชมาเนียคืออะไร?

ที่มา : คู่มือรู้ทันโรคและภัยสุขภาพสำหรับประชาชน โดยสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข


โรคลิชมาเนียคืออะไร?  thaihealth


ภาพจากเว็บไซต์ medicinenet.com


โรคลิชมาเนีย หรือ ลีชมาเนียซิส (Leishmaniasis) เป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน เป็นโรคของสัตว์แต่แพร่สู่คนได้ โดยมี “ริ้นฝอยทราย” เป็นตัวพาหะนำโรค


โดยริ้นฝอยทรายดูดเลือดสัตว์เป็นอาหาร ไปกัดสัตว์ที่มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ จากนั้นนำเชื้อไปสู่คน ปกติพบโรคนี้ในประเทศแถบตะวันออกกลาง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบในอินเดีย เนปาล บังคลาเทศ ปากีสถาน ปัจจุบันประเทศไทยพบโรคนี้ประปราย ปีละ 1-4 ราย มีสาเหตุจากเชื้อโปรโตซัวในสกุล ลิซมาเนีย (Leishmania) ซึ่งอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาว (Macrophage) ของคน


การติดต่อ


โรคลิชมาเนีย แพร่สู่คนอื่นโดยผ่านการกัดของแมลง “ริ้นฝอยทราย” ซึ่งหลังจากกินเลือดสัตว์ที่มีเชื้อแล้วมากัดคนก็จะแพร่เชื้อสู่คนได้ โดยริ้นฝอยทรายมีขนาดเล็กกว่ายุงประมาณ 3-5 เท่า (ขนาด 1.3-3.5 มม.) มีขนปกคลุม ขายาว มีปีก 1 คู่ แต่บินได้ไม่ดี กระโดดได้สูงไม่เกิน 1 เมตร วงจรชีวิตของริ้นฝอยทรายค่อนข้างสั้นประมาณ 60 วัน หากินห่างแหล่งเพาะพันธุ์ประมาณ 100 – 300 เมตร ออกดูดเลือดตอนพลบค่ำและกลางคืน มักชอบกัดนอกบ้านมากกว่าในบ้าน  วางไข่และอาศัยบนพื้นดิน ในที่มืดเย็น และมีความชื้น ได้แก่ กองอิฐ กองหิน ไม้ฟืน จอมปลวกเก่า รอยแตกของฝา ตอไม้ผุ มูลสัตว์ ในป่า ตามพื้นดินที่มีใบไม้คลุม ใกล้คอกสัตว์ หรือใกล้แหล่งอาหาร มีรายงานพบการกระจายตัวของริ้นฝอยทรายในพื้นที่หลายแห่งในประเทศไทย สัตว์รังโรคเป็นสัตว์กัดแทะจำพวก กระรอก กระแต หนูชนิดต่าง ๆ สัตว์เลื้อยคลานเช่น จิ้งจก ตุ๊กแก สัตว์เลี้ยง สุนัข แมว สุนัขจิ้งจอก ปศุสัตว์ เช่น แพะ แกะ เป็นต้น


อาการมีหลายลักษณะ


  1. แผลตามผิวหนัง เช่น แขน ขา ใบหน้า และลำตัวบริเวณที่ถูกริ้นฝอยทรายกัดจะเป็นตุ่มนูน พองใส แดง เจ็บ (บางครั้งไม่เจ็บ) ต่อมาตุ่มขยายใหญ่แล้วแตกเป็นแผล แผลอาจแห้งหรือมีน้ำเลือดน้ำเหลืองเยิ้ม และอาจอยู่นานหลายเดือนแล้วหายไปเอง แผลที่อยู่ใกล้กันสามารถลุกลามรวมกันเป็นแผลใหญ่ หรือภูมิต้านทานต่ำ แผลก็กระจายทั่วตัวได้
  2. แผลตามเยื่อบุจมูกและริมฝีปากเกิดเป้นหนองและแผล กระดูกอ่อนจมูกอาจถูกทำลายและหนองอาจลุกลามเข้าในปากถึงเพดานกับลำคอ
  3. เกิดกับอวัยวะภายใน เช่น ตับและม้ามโต ซึ่งจะมีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีภาวะเลือดออกในที่ต่าง ๆ เช่น จมูก ไรฟัน กระเพาะอาหาร พบจุดเลือดออกตามตัว มีภาวะซีด คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องอืด ผิวหนังแห้ง มีอาการบวม ต่อมน้ำเหลืองโต ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ชีวิต


การรักษา


ยารักษาโรคลิชมาเนีย เป็นยาในกลุ่มต้านเชื้อรา เช่น Pentavalent antimoniasis หรือ Amphotericin B เป็นต้น รวมไปถึงการผ่าตัด การรักษาตามอาการ เช่น ให้เลือดหากซีดมาก ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ Liposornal Amphotericin B ชนิดฉีดครั้งเดียว ในการรักษาผู้ป่วยลิชมาเนีย แม้ว่าอาการไม่พึงประสงค์ของการใช้ยาจะน้อยกว่ายาตัวอื่น ๆ แต่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวังและอยู่ในความดูแลของแพทย์


การป้องกันและควบคุมโรคในคน


  1. ค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็วเพื่อให้การรักษาผู้ติดเชื้อโดยเร็ว
  2. มีการเฝ้าระวังโรคที่เข้มงวด เช่น การตรวจร่างกายคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศ และแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศที่เป็นแหล่งแพร่โรค
  3. ทำความสะอาดบริเวณบ้านเรือน ไม่ให้มีเศษอาหารตกค้าง ให้หนูซึ่งเป็นสัตว์รังโรคที่สำคัญมากิน ไม่มีโพรงไม้ รูหนู กองขยะ กองไม้ กองหิน ที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของริ้นฝอยทราย สำหรับสัตว์เลี้ยงควรอยู่ในบริเวณที่ล้อมรอบด้วยตาข่ายกันแมลงในเวลากลางคืน
  4. ป้องกันตนเองจากการถูกริ้นฝอยทรายกัด ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรัดกุมขณะเข้าไปทำงานหรือพักในพื้นที่ที่เกิดโรค ทายากันแมลงในบริเวณผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้า นอนกางมุ้งที่ชุบด้วยยากันยุง หรือใช้มุ้งที่มีขนาดรูตาข่ายเล็ก ฉีดยากันยุงภายในบ้านตามผนังหรือในที่ที่ริ้นฝอยทรายเกาะพัก หรือทำรังอยู่
  5. เฝ้าระวังโรคในพื้นที่ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเวลานานหลายวัน ซีด ตับม้ามโต น้ำหนักลด ผอมลงมาก โดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติไปทำงานในต่างประเทศ หรือให้การรักษาไปแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น

Shares:
QR Code :
QR Code