โภชนาการเด็กทำไอคิวต่ำเมนูหลัก “แกงมะเขือไร้เนื้อ”
นักวิชาการโภชนาการเผยเด็กไทยกินอาหารไร้คุณภาพ ส่งผลไอคิวต่ำ อ้วน ผอม เตี้ย แคระแกร็น จี้ รัฐบาละ อปค.เพิ่มงบค่าอาหารกลางวันจาก 13 บาท เป็น 15-18 บาท ผลสำรวจพบเมนูหลัก แกงมะเขือ วิญญาณเนื้อ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข วอนวันเด็กเลี่ยง ขนมหวาน น้ำอัดลม ลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคอ้วน ฟันผุ
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการโครงการเด็กไทยโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึง สถานการณ์ปัญหาเด็กไทย ว่า จากผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายพบว่าเด็กไทยมีปัญหาอย่างมากในด้านพัฒนาการทางร่างกายและสมองที่ต้องสมวัย และมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะอ้วน เตี้ย แคระแกร็น และผอมมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาโภชนาการของเด็กไทยที่ไม่สมวัย ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระดับสติปัญญา หรือ ไอคิว จึงจำเป็นที่รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ ในการลงทุนด้านโภชนาการเพื่อสร้างเด็กไทยที่มีคุณภาพ
นายสง่า กล่าวว่า การลงทุนทางโภชนาการเพื่อสร้างเด็กที่มีคุณภาพนั้น ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การตั้งครรภ์ โดยนอกจากแม่จะได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ แล้ว ยังต้องได้รับสารไอโอดีน และธาตุเหล็กที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้น เด็กจะมีไอคิวต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และเด็กทารกจำเป็นต้องกินน้ำนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน แต่ที่ผ่านมา พบว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังต่ำมาก
ทั้งนี้ หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว แม่ยังควรให้น้ำนมลูกต่อ เพราะมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ คุณภาพสารอาหารยังสูงอยู่ และจำเป็นที่ต้องได้รับอาหารเสริม เช่น ตับ กล้วย และผัก เป็นต้น ส่วนความเชื่อเรื่องน้ำนมแม่หลัง 6 เดือนไปแล้วไม่มีประโยชน์นั้น เป็นความเชื่อที่ผิดส่งผลให้เด็กจำนวนมากไม่ได้กินนมแม่ต่อเนื่อง
นายสง่า กล่าวอีกว่า เด็กอายุ 1-3 ปี เป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อในการเจริญเติบโต แต่ที่ผ่านมา มีปัญหาโภชนาการมาก เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมกินข้าว ได้รับแต่อาหารเหลวอย่างนม จึงเกิดปัญหาขาดสารอาหาร ขณะที่เด็ก 3-5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มเข้าโรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็กแล้วและกินอาหารที่ศูนย์ แต่จากที่ได้ลงไปดูหลายแห่ง พบว่า อาหารที่ทำให้เด็กกินยังมีปัญหามีคุณภาพต่ำ โปรตีน วิตามินไม่เพียงพอ บางแห่งยังเน้นน้ำตาล และไขมัน รวมถึงอาหารว่างที่เป็นขนมกรุบกรอบอีกด้วย
ส่วนเด็กที่อยู่ระหว่างชั้นประถมศึกษา 1-6 นั้น จากการสำรวจพบว่า มีปัญหาด้านโภชนาการค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอาหารเช้า ซึ่งมีเด็กถึง 49% ที่ไม่ได้กินอาหารเช้าก่อนไปเรียน ทั้งที่เป็นมือสำคัญ เพราะจะช่วยให้เด็กมีสมาธิในการเรียน ขณะที่อาหารมื้อกลางวันนั้น แม้ว่าโรงเรียนจะจัดให้เด็ก แต่จากการตรวจสอบหลายแห่งพบว่าไม่มีคุณภาพเพียงพอ
ผู้ปกครองบางส่วนมักซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งให้เด็กกินตอนเช้า ซึ่งเมนูนี้ไม่ควรนับรวมเป็นอาหารเช้าได้ ส่วนเด็กบางคนที่กินแซนด์วิชกับนมก็มีสารอาหารเพิ่มขึ้นบ้างแต่ก็ไม่เพียงพอ นายสง่ากล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ