“โฆษณาแฝง” ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์?
หวั่นส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมเด็ก
โดยนายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการ มีเดียมอนิเตอร์ กล่าวถึงผลสำรวจของเครือข่ายครอบครัวฯว่ามี ประชาชนมากถึง 97% คิดว่าโฆษณาแฝงในเนื้อหารายการโทรทัศน์หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ และ 86.2% ยอมรับว่าโฆษณาแฝงเป็นปัญหาและคิดว่าควรเปิดเผยข้อมูลรายได้จากโฆษณาแฝงและการตรวจสอบทางการเงิน ตลอดจนระบบการเสียภาษีให้หน่วยงานรัฐ นอกจากนั้นยังพบอีกว่าประชาชนกว่า 72% ไม่เห็นด้วยกับ (ร่าง) แนวทางการปรากฏของสินค้าและบริการในรายการโทรทัศน์ และเกือบ 2 ใน 3 หรือ 65.1% คิดว่าโฆษณาแฝงในรายการโทรทัศน์ต่างรุกล้ำสิทธิของผู้บริโภค
นายธาม กล่าวต่อว่า จากพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 23 ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ใช้คลื่นความถี่ “โฆษณาได้ไม่เกินชั่วโมงละสิบสองนาทีครึ่ง โดยเมื่อรวมเวลาการโฆษณาตลอดทั้งวันเฉลี่ยแล้วต้องไม่เกินชั่วโมงละสิบนาที” นั้น เนื่องจากพฤติกรรมการรับชมของคนไทยเปลี่ยนไป ซึ่งมีตัวแปรสำคัญคือรีโมร์ททำให้ผู้ชมสามารถเปลี่ยนช่องได้ทันทีหากไม่ต้องการดูโฆษณา ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์จึงนำวิธีเอาสินค้าเข้าไปในรายการเพื่อให้ผู้ชมเกิดการรับรู้ และปัจจุบันนอกจากโฆษณาคั่นรายการแล้ว ยังพบโฆษณาแฝงในแทบทุกรายการไม่ว่าจะเป็นข่าว เกมส์โชว์ สารคดี หรือละครซิทคอม ซึ่งวิธีการแฝงโฆษณาส่วนใหญ่มี 5 รูปแบบ ได้แก่ 1.แฝงกับภาพกราฟฟิก 2.แฝงกับสปอตสั้น 3.แฝงกับวัตถุ 4.แฝงกับบุคคล 5.แฝงกับเนื้อหา
“โฆษณาแฝงนอกจากจะละเมิดพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แล้ว ยังรุกล้ำสิทธิมนุษยชน และละเมิดข้อจริยธรรมที่ทำลายอรรถรสในการรับชมรายการโทรทัศน์ของประชาชน ซึ่งผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ก็ควรรับฟังและมองการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างยุติธรรมไม่ใช่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว” นายธาม กล่าว
แพทย์หญิงพรรณพิมล หล่อตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กล่าวว่า การปล่อยให้เด็กรับชมโทรทัศน์มากเกินไปเป็นการเพิ่มความถี่ในการเห็นภาพที่แสดงความรุนแรง การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ซึ่งถ้าปล่อยให้เด็กดูโทรทัศน์อย่างไม่มีวันสิ้นสุดมันจะส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันทำให้เด็กมีการอ่านหนังสือน้อยลง มีผลต่อระบบความคิด และการตัดสินใจ ซึ่งผู้ปกครองควรมีการชี้แนะและหากิจกรรมทำร่วมกันในครอบครัว เพื่อให้เด็กไม่รับชมโทรทัศน์มากเกินไปนั้นเอง
ด้านนาง
ข่าวโดย: วชิราภรณ์ ฤทธิ์สมบูรณ์ team content www.thaihealth.or.th
update: 11-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: วชิราภรณ์ ฤทธิ์สมบูรณ์