แอปฯ น้องใหม่ทางเลือก เกื้อหนุนชุมชน สร้างรายได้ยั่งยืน

ข้อมูลจาก: เปิดตัวนวัตกรรม “น้องเคยมาเท่าไหร่” และ “ตามสั่ง–ตามส่ง”

ภาพโดย พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ

                    เปิดตัว แพลตฟอร์มบริการทางเลือก ทั้งการเดินทาง- บริการสั่งอาหาร   “น้องเคยมาเท่าไหร่ ” และ “ตามสั่ง-ตามส่ง” บริการน้องใหม่  ที่เกื้อหนุนคนในชุมชน ด้วยวิธีคิดเศรษฐกิจสังคมสมาฉันท์

                    ที่ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.  ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา รักษาการผู้อำนวยการสำนักวิชาการและนวัตกรรม สสส.  เปิดตัวนวัตกรรมแพลตฟอร์ม “น้องเคยมาเท่าไหร่” และ “ตามสั่ง-ตามส่ง” ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสังคมสมานฉันท์ (Social and Solidarity Economy) เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะทางเศรษฐกิจ (Economic Well-being)  สนับสนุนให้  วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และร้านค้าอาหารรายย่อยในชุมชน เข้าถึงระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มรายได้ และมีศักยภาพในการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน  โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  กับกลุ่มวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมสมานฉันท์และเศรษฐกิจถ้วนถึงแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

                    ปี 2563 เริ่มนำร่องด้วยงบประมาณ  เพียง 1แสนบาท ให้บริการ “ตามสั่ง-ตามส่ง”  จากนั้นต่อยอด  มาเป็น “น้องเคยมาเท่าไหร่”  ใน ปี 2568  ใช้งบประมาณ  4 ล้านบาท ขยายบริการ รับ- ส่ง  ทั่วประเทศแล้ว  อาทิ เขตชุมชนลาดพร้าว 101 เขตชุมชนสามย่าน กรุงเทพฯ, อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, อ.เบตง จ.ยะลา

ทั้งนี้ยังเชิญชวนให้ประชาชนมาใช้บริการ แอพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม “น้องเคยมาเท่าไหร่” และ “ตามสั่ง-ตามส่ง”   นวัตกรรมใหม่ ที่ดีต่อเศรษฐกิจสมาฉันท์ เพราะทุกอย่างตัดสินด้วยชุมชน และสร้างรายได้ ที่มั่นคง

                    “นวัตกรรมนี้ ส่งเสริมรายได้ให้กับกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์ และร้านค้าแล้ว สามารถนำข้อมูลที่ได้รับจากการใช้บริการร้านค้า ร้านอาหาร มาประมวลเรื่องของสุขภาพ   พฤติกรรมการบริโภค การใช้สินค้าต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แท้จริงจากการใช้บริการ และหวังว่าในอนาคต จะกลายเป็นบิซิเน็ตโมเดล ที่ช่วยคนในชุมชน  ส่วนข้อมูลการขับขี่ ก็สามารถนำมาแปลผลความปลอดภัยทางถนนได้ และเชื่อว่าในอนาคตนวัตกร ออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประชาชน เพื่อชุมชน” ดร.ณัฐพันธุ์ กล่าว

                    นายเฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากได้เริ่มนำร้องใช้ นวัตกรรม “น้องเคยมาเท่าไหร่” และ “ตามสั่ง-ตามส่ง” ไปแล้วนั้น แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มา แต่หวังว่าเมื่อมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีคนรู้จักเป็นที่แพร่หลาย และสนใจมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น  โดยส่วนตัวเห็นว่า แพลมฟอร์ม “ น้องเคยมาเท่าไหร่ ” จะเข้ามาอุดรอยรั่ว ของกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์ ที่ถูกแพลมฟอร์มออนไลน์อื่นขยายเข้ามาใช้บริการในพื้นที่ เช่นกรณีอยู่ท้ายซอย อาจทำให้วินฯไม่ทราบ และเข้าไปให้บริการไม่ถึง เมื่อมีแพลมฟอร์มออนไลน์นี้จะช่วยเข้าเติมเต็มการให้บริการ ไม่ถูกแย่งลูกค้าโดยไม่รู้ตัว แพลมฟอร์มอื่นที่เข้ามาข้ามเขตการให้บริการ

                    ส่วนบริการในส่วนร้านอาหาร ในแพลมฟอร์มสั่งอาหารอื่น จะมีการเรียกเก็บ 35 % แต่ในส่วนของ  “ตามสั่ง-ตามส่ง” ค่าอาหารจะคิดบริการปกติไม่มีการบวกเพิ่ม เพียงแต่คิดค่าบริการเหมือนลูกค้าเดินทางมาซื้อด้วยตัวเอง และไม่ว่าจะซื้อในจำนวนเท่าไหร่ ก็จ่ายแค่ทางเดินทางในราคาเดิม ไม่มีบวกเพิ่มจำนวน ซึ่งตรงนี้จะช่วยเอื้อให้คนกล้าซื้ออาหารเหมือนเดิม ในราคาเดิม

                    “กฎหมายของกรมการขนส่งทางบกไม่เอื้อให้กับกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปวิ่งในเส้นทางอื่น แต่บริการแพลตฟอร์มเอกชน กลับทำได้ เมื่อมีแพลตฟอร์มนี้ทำให้กลุ่มพวกเราไม่เสียโอกาส ยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม “น้องเคยมาเท่าไหร่”  จะเป็นการยกระดับรายได้ ทำให้คนรู้จักมากขึ้น เกิดการผลักดันให้คนมาใช้บริการ  เชื่อว่าดีกว่าแพลตฟอร์มของเอกชน ส่วนบริการสั่งอาหาร “ตามสั่ง-ตามส่ง”  จ่ายค่าอาหารในราคาเท่าเดิม 50 บาท ไม่มีการบวกเพิ่ม เชื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค และเป็นการเกื้อหนุนภาคสังคม” นายเฉลิม กล่าว

                    นายอรรคณัฐ วันทนะสมบัติ นักวิจัยจากกลุ่มวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมสมานฉันท์และเศรษฐกิจถ้วนถึงแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นวัตกรรมแพลตฟอร์ม “ตามสั่ง–ตามส่ง” และ “น้องเคยมาเท่าไหร่” พัฒนาจากการออกแบบร่วมกับผู้ใช้งานจริง คือ กลุ่มวินฯ ร้านค้า และร้านอาหารในชุมชน เน้นให้ระบบใช้งานง่าย ตรงไปตรงมา

                    ผู้ใช้งานที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ สามารถเลือกว่าจะใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน หรือใช้งานผ่านระบบ Line Chat Bot  โดยวินฯ ที่เข้าร่วมแพลตฟอร์มน้องเคยมาเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชัน อัลกอรึทึ่มจับคู่งานตามเวลาและลำดับคิว เพื่อให้วินฯ ที่อยู่ใกล้ที่สุดและอยู่ในคิวแรกได้พิจารณารับงานก่อน

                    สำหรับร้านค้าและร้านอาหารที่เข้าร่วมใช้งานแพลตฟอร์มตามสั่ง–ตามส่ง จะช่วยลดภาระต้นทุนการขาย เพราะไม่ต้องเสียค่าตอบแทนที่ผู้ขายได้รับจากการขายสินค้า (Commission)  เหมือนระบบทั่วไป  แต่จะใช้ระบบ ร่วมจ่าย Co-Contribution คิดตัดสินใจร่วมกันว่า ร้านอาหาร ไรเดอร์ และผู้บริโภค ซึ่งได้ประโยชน์ร่วมกัน จะแบ่งสัดส่วนจ่ายตามต้นทุนจริงที่ครั้งละ 5-6 บาทต่อครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่แพลตฟอร์มทั่วไปเรียกเก็บจากร้านอาหาร 35% ของยอดขาย

                    โดยเมื่อมีผู้สั่งอาหารระบบจะส่งคำสั่งซื้อไปยังวินฯ หรือไรเดอร์ในชุมชน ที่อยู่ใกล้ร้านที่สุด ต่างจากแพลตฟอร์มทั่วไปที่ส่งงานไปยังไรเดอร์ที่มีคะแนนสูงสุดซึ่งบางครั้งอยู่ไกลจากร้าน ทำให้ลดภาระค่าเชื้อเพลิง เพิ่มโอกาสทางอาชีพในชุมชน เป็นการกระจายรายได้ในท้องถิ่นที่ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง วินฯ หรือไรเดอร์ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใช้งานแพลตฟอร์มฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่ Google Play สำหรับระบบ Android และ App Store สำหรับระบบ iOS

                    ปัจจุบันกระบวนการช่องทางหลังบ้านในแพลมฟอร์ม และต้นทุน “น้องเคยมาเท่าไหร่” และ “ตามสั่ง-ตามส่ง”  มี น้องๆนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดูแล ทำให้ต้นทุนดำเนินการถูกกว่าแพลตฟอร์มเอกชน  และยังได้รับการสนับสนุน จาก สสส . แต่เพื่อให้แพลตฟอร์มนี้ยั่งยืน ตามแนวคิด และความเชื่อเศรษฐกิจสังคมสมาฉันท์นั้น  ในอนาคต วินฯ มาตกลงร่วมกันกับร้านค้าอาหาร หรือประชาชน ชุมชน  อาจมาร่วมสนับสนุน จ่ายเงินสมบทร่วมกัน จ่ายเพื่อให้แพลตฟอร์มคงอยู่ และกำหนดราคาที่เหมาะสม ที่ต่างคนต่างอยู่กันได้ ไม่แพงเกินไป  ทั้ง 3 ภาคส่วน

                    “หวังว่า แพลตฟอร์มนี้จะเป็นทางเลือกให้กับสังคมไทย  แม้ว่าประสิทธิภาพไม่อาจสู้ภาคเอกชนได้ เนื่องจาก ไม่มีงบประมาณทำการตลาด  แต่อาศัยความตรงไปตรงมา  ทั้งใช้บริการแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน  สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งในไลน์หรือแอพฯ เพราะมีผู้สูงอายุบางคนไม่ถนัดแอพฯ  รวมถึงสัดส่วนค่าตอบแทน ที่ตรงไปตรงมา  ไม่ว่าจะเป็นบริการรับ-ส่ง  “น้องเคยมาเท่าไหร่” และ บริการสั่งอาหาร “ตามสั่ง-ตามส่ง” จะทำให้แพลตฟอร์มนี้ ยังอยู่  ตามความเชื่อเศรษฐกิจสังคมสมาฉันท์”  นายอรรคณัฐ กล่าว

Shares:
QR Code :
QR Code