แหล่งแพร่เชื้อโรคสาธารณะ…เพาะบ่มไข้หวัด2009

สถานที่คนมองข้าม

 

แหล่งแพร่เชื้อโรคสาธารณะ…เพาะบ่มไข้หวัด2009

        รอบๆ ตัวเรามีแหล่งสะสมเชื้อโรคมากมายที่คนทั่วไปมักจะมองข้าม อะไรบ้าง

 

        อ่างล้างจาน – เคลลีย์ เรย์โนลด์ส นักจุลชีววิทยาสิ่งแวดล้อมแห่งมหาวิทยาลัยอาริโซนา บอกว่า อ่างล้างจานในห้องครัวสกปรกยิ่งกว่าห้องน้ำ บริเวณท่อน้ำทิ้งมีแบคทีเรียเฉลี่ยถึง 5 แสนตัวต่อตารางนิ้ว โดยเฉพาะฟองน้ำล้างจาน ถ้าไม่ทำความสะอาดหรือตากให้แห้งอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรีย

 

        ห้องน้ำสาธารณะ – จุดสกปรกที่สุดไม่ใช่บริเวณที่รองนั่งอย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นสายชำระ ตามด้วยคันโยกกดน้ำและลูกบิดหรือมือจับประตู และการกดชักโครกแต่ละครั้งยังเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่อากาศอีกด้วย

 

        จุดบริการน้ำดื่ม – กรุงเทพมหานครสำรวจล่าสุดพบว่า น้ำดื่มที่กดจากเครื่องทำน้ำเย็นในโรงเรียน มีสารตะกั่วปนเปื้อนเกินมาตรฐาน และที่น่ากังวลคือร่างกายเด็กสามารถดูดซึมสารตะกั่ว (มาจากวัตถุที่ใช้เชื่อมประกอบตู้โลหะ) ได้มากกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 40%

 

        ตะกร้าช็อปปิ้ง-เอทีเอ็ม – ถ้าผู้ใช้ก่อนหน้าเราป่วย หูหิ้วหรือที่จับรถเข็นอาจจะเปรอะสารคัดหลั่งพวกน้ำลาย หรือน้ำมูก เช่นเดียวกับตู้เอทีเอ็ม มีนักวิจัยไต้หวันตรวจสอบพบว่า แต่ละปุ่มมีเชื้อโรคเฉลี่ยประมาณ 1,200 ตัว

 

        สนามเด็กเล่น – เด็กย่อมเห็นความสนุกสำคัญกว่าความสะอาด จึงไม่แปลกที่จะพบคราบน้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ หรือเลือดปะปนอยู่ตามสนามและเครื่องเล่น เด็กชอบดูดนิ้วและนำของเล่นเข้าปาก จึงเป็นสาเหตุให้ป่วยง่าย

 

        กระเป๋าถือ – ชาร์ลส์ เจอร์บา นักจุลชีววิทยาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยอาริโซนา เคยนำตัวอย่างกระเป๋าถือผู้หญิงไปตรวจพบว่า บริเวณก้นกระเป๋ามีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่มากกว่า 1 หมื่นตัว ธนบัตรหรือเหรียญในกระเป๋าซึ่งผ่านมาไม่รู้กี่มือก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี

 

        ฟิตเนส – การออกกำลังกายในห้องปิดสนิท ไม่มีอากาศถ่ายเท เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดี

 

        โต๊ะทำงาน – เคยมีการสำรวจสถิติที่น่าตกใจว่า โต๊ะทำงานสกปรกมากกว่าที่นั่งชักโครกถึง 400 เท่า บนโต๊ะทำงานสิ่งที่สกปรกมากสุดคือโทรศัพท์ รองลงมาคือคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์และเมาส์

 

        ชั่วโมงนี้ ไข้หวัดใหญ่ 2009 กำลังระบาด เพราะฉะนั้นอย่าลืมคำนึงถึงความสะอาดเป็นเบื้องแรก หมั่นล้างมือบ่อยๆ เป็นดีที่สุด

 

 

 

 

 

 

ที่มา: นิตยสาร Healthtoday Thailand

 

 

 

 

Update: 21-10-09

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

Shares:
QR Code :
QR Code