แผนที่สุขภาพ กิจกรรมนอกห้องเรียน
ดึงเยาวชนช่วยแก้ไขปัญหาในชุมชน
โครงการแผนที่สุขภาพ เพิ่มพื้นที่ดี ลดพื้นที่เสี่ยง ก่อตั้งขึ้นภายใต้การดูแลของสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาชุมชน โดยให้เด็กและเยาวชนในชุมชนเป็นศูนย์กลางในการชี้และแก้ไขปัญหาร่วมกับคนในชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโครงการนี้ได้มีการจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ กรรมการบริหารแผนเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม สสส. ให้มุมมองความสำคัญกับกิจกรรมนอกห้องเรียน ว่า การที่เยาวชนเข้าร่วมโครงการแผนที่สุขภาพฯ นอกจากจะทำให้ชุมชนเกิดการพัฒนาด้วยพลังของเด็กๆ แล้ว ยังทำให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่ไม่มีบรรจุในหลักสูตรการศึกษาใดๆ อีกด้วย
“การสนับสนุนในการสำรวจพื้นที่ดี และพื้นที่เสี่ยงแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เด็กรู้จักคิด และทบทวนแลกเปลี่ยนกันเพื่อหาคำตอบที่ว่า เมื่อเจอพื้นที่เสี่ยงจะแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาอย่างไรต่อไป” นายวีรพงษ์ กล่าว
นายวีรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การรวมกลุ่มเพื่อเพิ่มพื้นที่ดี ลดพื้นที่เสี่ยงช่วยย้ำให้เราต่างตระหนักว่า ในสังคมยังมี เยาวชนอีกหลายคนที่ได้แสดงพลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง ในอนาคตเรายังหวังว่า พลังของเยาวชนเหล่านี้ จะทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของตัวเยาวชนและสังคมไปในทางที่ดี ตามสโลแกนของโครงการที่ว่า “คนธรรมดา ทำงานใหญ่ได้”
จากการลงพื้นที่จัดโครงการแผนที่สุขภาพ ที่บ้านยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
ผู้ใหญ่ยุวดี ชมดวงทิพย์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 บ้านยางตลาด ได้เผยถึงนโยบายในส่วนของทางชุมชนว่า ได้ประชาสัมพันธ์ให้คนในชุมชนร่วมกันทำความสะอาดโดยเริ่มจากที่บ้านเรือนของตัวเองเป็นอันดับแรก และรวมกลุ่มกันทำความสะอาดพื้นที่ในชุมชนที่รกร้าง เสี่ยงต่อการมั่วสุมให้หมดไป 1 ครั้งต่อ 1 เดือน และจัดการประกวดแข่งกันทำความสะอาดชุมชน โดยหวังว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้ชาวบ้านสนใจ และหันกลับมาดูแลความเรียบร้อยในชุมชนมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายพัชร ภูภองชนะ นักเรียนชั้นม.4 โรงเรียนยางตลาดวิทยาคาร หนึ่งในผู้ร่วมโครงการแผนที่สุขภาพฯ เล่าว่า หลังจากได้สำรวจพื้นที่ก็นำมาสู่การพัฒนาพื้นที่ ซึ่งได้พัฒนาพื้นที่รกร้างที่เสี่ยงต่อการมั่วสุมและอันตรายในหมู่บ้านยางตลาดร่วมกับชาวบ้านในชุมชน คิดว่าโครงการนี้จะยั่งยืนและเห็นผลได้ หากทางชุมชนร่วมมือในการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
“หวังว่าทางหมู่บ้านจะรับเอาแนวคิดของเราไปต่อยอด อยากให้เขาตั้ง 1 วันในรอบเดือนเป็นวันทำความสะอาดของหมู่บ้าน และให้คนในชุมชนออกมาช่วยกัน แต่ที่ผ่านมาทางหมู่บ้านก็มีการตอบรับที่ดี โดยทางผู้ใหญ่บ้านจะช่วยกระจายข่าวไปยังลูกบ้านอยู่เสมอ” พัชร เล่า
เช่นเดียวกับ สุดาพร แก้วก่อ นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนบัวขาว กล่าวว่า ที่ได้เข้ามาร่วมโครงการ เพราะรุ่นพี่ชักชวนมาทำกิจกรรม จากแต่ก่อนที่เคยเป็นเด็กติดเกม หมดเวลาไปกับการเล่นเกม แต่พอเข้ามาแล้วก็ชอบ สนุกไปกับกิจกรรมที่ได้ทำ เกมที่เคยเล่นก็เริ่มห่างๆ ไม่ค่อยได้เล่นแล้ว เปลี่ยนมาใช้เวลาว่างทำงานในโครงการแทน แต่ไม่ใช่ว่าไม่เล่นเลย ก็ยังเล่นอยู่ แต่เหมือนเรารู้จักแบ่งเวลาได้”
เป็นกิจกรรมเรียนรู้นอกห้องที่ได้ประโยชน์โดยตรงต่อเด็ก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
update 28-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์