แบงก์ล้อมคอกหวั่นกู้ใช้หนี้พนันบอล
คุมจ่ายสินเชื่อ
นายแบงก์บ่ยั่นบอลโลกฟีเวอร์ ทำผู้ประกอบการหลงผิดโยกเงินลงทุนเล่นพนันกระทบชิ่งธุรกิจเจ๊ง สั่งคุมเข้มป้องกันจ่ายหนี้ล่าช้า ด้านธุรกิจ บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลเสี่ยงสุด รูดง่ายได้เงินเร็วดูแลยาก ขณะที่ “อีซี่ มันนี่” โรงรับจำนำยุคไฮเทคระบุสถานการณ์ยังปกติ นักเรียน- นักศึกษายังไม่ถึงขั้นแห่นำทรัพย์มาตึ๊งแลกเงิน
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงความกังวลต่อกรณีในช่วงเทศกาลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน-11 กรกฎาคม 2553 อาจจะส่งผลให้มีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) นำสินเชื่อไปใช้อย่างผิดประเภท หรือนำไปเล่นพนันฟุตบอลผิดกฎหมาย ว่า มหกรรมฟุตบอลโลกคงไม่เป็นเหตุผลที่จะทำให้ผู้ประกอบการนำสินเชื่อไปใช้อย่างผิดประเภทหรือนำไปเล่นฟุตบอลได้ เพราะถือเป็นความเสี่ยงมากถ้าเกิดแพ้พนันขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตนเองให้ติดขัด หรืออาจเลิกกิจการเลยก็ได้ ขณะเดียวกันยังเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียหลักทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน เป็นต้น ที่นำมาค้ำประกันสินเชื่ออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการเบิกจ่ายสินเชื่อลูกค้าจะต้องนำเอกสารมาประกอบการอนุมัติทุกครั้ง โดยธนาคารจะอนุมัติเงินให้ตามความจำเป็นและตามความต้องการใช้จริงเท่านั้น ดังนั้น การอนุมัติเกินวงเงินจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนการเบิกใช้เงินทุนหมุนเวียน (โอ/ดี) ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เบิกใช้ง่ายกว่าก็อาจจะมีบ้างแต่คงไม่มาก และสินเชื่อดังกล่าวไม่ได้เป็นวงเงินที่มากเกินไปนัก ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการส่วนน้อยที่ทำ เพราะทุกคนล้วนตระหนักดีว่าจะส่งผลเสียกับธุรกิจตนเอง
“เชื่อว่าคนทำธุรกิจจะไม่เล่นพนัน และขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการชำระหนี้ล่าช้า ประกอบกับขั้นตอนในการอนุมัติสินเชื่อของแบงก์ก็มีความเข้มงวดอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบประวัติการทำธุรกิจ และประวัติการชำระหนี้ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงไม่น่าจะเป็นประเด็นที่ต้องเป็นกังวล” นายปกรณ์ กล่าว
ด้านนายปพนธ์ มังคละธนะกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ออกบัตร “ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี โอดี การ์ด” เจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่ไม่เป็นนิติบุคคลมียอดขายต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยลูกค้าสามารถเบิกเงินเกินบัญชีผ่านเครื่องเอทีเอ็มได้ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเบิกถอนได้อย่างรวดเร็วทันใจ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าลูกค้าจะไม่นำสินเชื่อไปใช้อย่างผิดประเภท หรือนำไปเล่นพนันฟุตบอล เนื่องจากเป็นเงินที่ลูกค้าจะต้องนำมาบริหารกิจการของตนเอง ซึ่งลูกค้าน่าจะมีวินัยในการใช้เงินของตนเองด้วย เพราะถ้าหากแพ้พนันก็อาจจะทำให้ธุรกิจของตนเองล้มหรือเจ๊งได้
ประกอบกับธนาคารมีการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดมาก มีการพิจารณาทั้งเรื่องยอดคำสั่งซื้อ-ยอดขาย ซึ่งหากลูกค้ามีการกดเงินไปใช้หรือมีการคืนเมื่อไรจะมีข้อมูลความเคลื่อนไหวของบัญชีลูกค้าแสดงออกมาทุกครั้ง ซึ่งถ้าหากลูกค้ากดเงินไปใช้จนเต็มวงเงินสูงสุดที่ 10 ล้านบาท แล้วไม่คืนเป็นระยะเวลานาน ธนาคารจะมีทีมงานคอยดูแลและติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด
“ไม่เชื่อว่าผลิตภัณฑ์จะทำให้พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยน หรือถ้ามีก็น่าจะเป็นส่วนน้อย อีกทั้งธนาคารจะอนุมัติเงินในระดับที่เหมาะสมกับการประกอบธุรกิจของลูกค้าเท่านั้น ถ้าลูกค้าขอวงเงินมากเกินความเป็นจริง ธนาคารจะไม่อนุมัติตามที่ลูกค้าร้องขอ และถ้าลูกค้ายังนำเงินไปเล่นพนันบอลอีกจะส่งผล ให้ไม่มีเงินหมุนเวียนไปผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการทำธุรกิจกับลูกค้าเอง และคู่ค้าของลูกค้าก็จะขาดความเชื่อถือในตัวลูกค้าทันที” นายปพนธ์ กล่าว
เช่นเดียวกับนายวรวุฒิ นิสภกุลธร รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตร กรุงไทย (เคทีซี) ที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะเดียวกันว่า ปัญหาการเล่นพนันบอล คงจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดการชำระหนี้ของลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยการผิดนัดชำระล่าช้าของลูกค้า อาจจะมาจากหลายสาเหตุ โดยปัญหาที่พบมาก เช่น ลูกค้าลืมจ่ายบ้าง หรือหมุนเวียนเงินไม่ทันบ้าง คงไม่ได้มาจากการเล่นการพนันอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การเล่นพนันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ประกอบกับเป็นสิทธิส่วนบุคคลของลูกค้า ซึ่งบริษัทคงห้ามไม่ให้ลูกค้านำเงินสินเชื่อไปเล่นการพนันได้ ซึ่งบริษัทคงทำได้เพียงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อและให้สินเชื่อในวงเงินที่เหมาะสม ขณะเดียวกันเมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าต้องชำระหนี้ บริษัทจะมีทีมงานติดตามการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ จะช่วยในเรื่องสกรีนลูกค้าที่ดีให้บริษัท
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
Update: 06-07-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ