แนะ 6 ข้อ วิธีแก้ปัญหาฝุ่นละออง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
แฟ้มภาพ
เลขาธิการมูลนิธิป้องกันควันพิษและพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแนะ ช่วยกันกดดันให้เกิดการแก้ด้วยบัญญัติ 6 ข้อ
นายพิจิตต รัตตกุล เลขาธิการมูลนิธิป้องกันควันพิษและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงกรณีมลพิษทางอากาศ หลังค่าฝุ่นขนาดเล็กหรือฝุ่น PM2.5 (ไมครอน) ปกคลุมทั่วฟ้ากรุงเทพมหานคร และอีกหลายเมืองใหญ่ ว่า ฝุ่นจิ๋วมีผิวขรุขระคล้ายสำลี เป็นที่โดยสารของสารพิษอื่นๆ จึงไม่ใช่เป็นเพียงฝุ่นจากดินหินการก่อสร้าง ควันการเผาไหม้จากเครื่องยนต์รถ เศษวัสดุทั้งปวงเท่านั้น แต่ฝุ่นจิ๋วยังจะเป็นตัวนำสารพิษอันตราย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก สารก่อมะเร็งทั้งหลาย ผ่านเข้าไปในกระแสเลือด ส่งผลต่อร่างกายอย่างคิดไม่ถึง
นอกจากการสูดอากาศที่มีฝุ่นส่งผลให้ปอดเสื่อมประสิทธิภาพจากการปิดกั้นการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ถุงลมปิด ทำให้ต้องหายใจสั้น หัวใจทำงานหนักขึ้น แต่ฝุ่นจิ๋วที่เรียกว่าฝุ่น PM2.5 ซึ่งเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา สูง 153 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินกว่ามาตรฐานที่มนุษย์จะทนได้ถึง 3 เท่านี้วิ่งผ่านปอดเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง จึงโยงกับอัตราการเกิดโรคทางสมอง หลอดเลือดหัวใจและมะเร็งที่อวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น ตับ เป็นต้น โดยเมืองที่มีฝุ่นอันดับหนึ่งสูงสุดคือเมืองนิวเดลี การาจี ปักกิ่ง สูง 100 กว่าหน่วยทั้งสิ้น ทุกคนในมหานครแห่งนี้จึงเสี่ยงสูงไม่รอดพ้น “ฝุ่นเพชฌฆาต” การนิ่งเฉย อดทนเพราะความเคยชินเท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเองด้วยการสูดเอาฝุ่นเพชฌฆาตเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดโดยตรงกันอยู่ทุกวัน ตัวเลของค์การอนามัยโลกพบว่า คน 8.2 ล้านคนต่อปี เพราะอากาศพิษ
นายพิจิตตยังเสนอแนะด้วยว่า อย่ายอมทน ต้องช่วยกันกดดันให้เกิดการแก้ด้วยบัญญัติ 6 ข้อ ได้แก่ 1.ลาดยางหรือเทปูนทับทางเดินริมถนนที่ยังเป็นดิน ทั้งถนนใหญ่และตรอกซอกซอยในทันที 2.ให้ผู้ประกอบการก่อสร้างเอกชนดำเนินการฉีดน้ำ ล้างฝุ่นเกรอะบนถนนให้ถี่ตลอดวัน ส่วนฝุ่นละเอียดริมทางใช้รถดูดฝุ่นที่มี โดยเฉพาะพื้นที่ก่อสร้าง ต้องเพ่งเล็งให้มาก ให้มีการเก็บกวาด ชำระล้างทุกครั้งที่งานก่อสร้างประจำวันแล้วเสร็จ รวมถึงมีเครื่องตรวจระดับฝุ่น หากฝ่าฝืนสั่งปิดก่อสร้างชั่วคราว รวมทั้งขึ้นบัญชีดำ หรือยกเลิกสัญญาว่าจ้าง 3.ให้ผู้ประกอบการเอกชนที่เป็นเจ้าของรถบรรทุกดิน บรรทุกปูน รถขนวัสดุที่สร้างฝุ่น ต้องล้างล้อ คลุมผ้าใบ อย่างเคร่งครัด หากทำผิดต้องจับตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาสุขภาพสิ่งแวดล้อมแห่ง 4.รถควันดำที่ปล่อยปละละเลย ต้องมีการตรวจวัด จับ ปรับ โดยความร่วมมือระหว่าง กรมการขนส่งทางบก จราจรกลาง กรมควบคุมมลพิษ กทม. 5.คุมเข้มการเผาขยะใบไม้เศษวัสดุในที่โล่งโดยเด็ดขาด โดยเบื้องต้นอาจใช้ จนท.เทศกิจ ที่มีร่วม 2 พันคน ร่วมกับจิตอาสาสิ่งแวดล้อมคอยตรวจตรา และ 6.ภาคเอกชนดำเนินการในโครงการก่อสร้างที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น โรงผสมปูน แท่นหัวเจาะ สถานที่ขนถ่ายวัสดุ ฯลฯ ให้มีมาตรการติดเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ หรือติดพัดลมน้ำ โดยภาครัฐและภาคประชาชนต้องเฝ้าระวังตรวจสอบไม่ให้มีการสร้างฝุ่นตามอำเภอใจ
นายพิจิตตยังกล่าวด้วยว่า ควรรีบป้องกันและอย่าเชื่อว่าไม่อันตราย อย่าคิดว่าเป็นบางพื้นที่ แต่ปัจจุบันกระจายทั่วเมือง ขึ้นอยู่ว่าตรงไหน วันไหน มีค่าเข้มข้นกว่าอีกวัน และไม่ควรรอกระแสลมพัดออก ไม่รอฝนมาชะล้าง แต่ควรกำจัดตั้งแต่แหล่งกำเนิดเพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นขึ้นมาอีก