แนะปรับพฤติกรรมสุขภาพ เลี่ยงใช้ยาลดน้ำหนัก
ที่มา : เว็บไซต์มติชน
แฟ้มภาพ
นักโภชนาการห่วงการซื้อยาและอาหารเสริมลดน้ำหนัก ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และลดน้ำหนักได้ไม่ยั่งยืน แนะยึดหลัก 3 อ. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วยตัวเอง
นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ ในฐานะที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีบริษัทผลิตอาหารเสริมควบคุมน้ำหนักในปัจจุบัน อ้างว่าเป็นส่วนประกอบของยานั้นปลอดภัยสามารถใช้เพื่อลดน้ำหนักได้ ว่า สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน มีภาวะอ้วนแล้วต้องการลดน้ำหนักด้วยตนเองแล้วไปใช้วิธีทางลัดเป็นการซื้อยาควบคุมน้ำหนักหรือยาลดความอ้วนมากินเอง ตนขอย้ำว่า ไม่มียาและอาหารเสริมใดในโลกนี้ ที่จะสามารถลดน้ำหนักได้ถาวรและยั่งยืน ซึ่งตรงนี้จะแตกต่างจากการลดน้ำหนักที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ฉะนั้น การซื้อยาและอาหารเสริมมากินเองจะสามารถลดน้ำหนักได้ชั่วขณะ เนื่องจากยาเหล่านั้นจะเข้าไปกดประสาทส่วนกลางให้รู้สึกไม่หิว และเมื่อไม่หิวก็รับประทานอาหารได้น้อยลงน้ำหนักก็จะลดได้อย่างแน่นอนในช่วงที่ใช้ยา แต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วก็จะเกิดภาวะ “โยโย่เอฟเฟ็กต์” ที่ทุกคนรู้จักกันดีตามที่มีข้อมูลเผยแพร่มานาน ซึ่งทำให้เรากลับมาอ้วนใหม่ อ้วนมากกว่าเดิม และลดไม่ได้
“ยาและอาหารเสริมที่ขายเกลื่อนตามท้องตลาด ออกฤทธิ์ต่างกันทำให้เราลดน้ำหนักได้จริงในช่วงที่กิน อย่าบางตัวใส่สารไซบูทรามีน (Sibutramine) ทำให้รู้สึกไม่หิวข้าว น้ำหนักก็ลด แต่เมื่อกินไปมาก ๆ ก็เกิดผลข้างเคียง เช่น อาเจียน ตาลาย หมดสติ หรือเสียชีวิตได้ด้วย” นายสง่า กล่าว
นายสง่า กล่าวต่อว่า ส่วนการลดน้ำหนักที่ถาวรและยั่งยืน ถ้านำหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามาดับทุกข์ คือเราต้องหาเหตุแห่งทุกข์ให้ได้ก่อน ดังนั้น ความอ้วนเป็นความทุกข์ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ละเลยสุขภาพ กินตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย หาแรงบันดาลใจในการออกกำลังหรือการลดน้ำหนักไม่ได้ โดยหลักการ 3 อ. ของกรมอนามัยยังใช้ได้จนถึงปัจจุบัน คือ 1.อาหาร เลือกกินอาหารถูกหลักโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม กินผักผลไม้เยอะขึ้น และกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำ 2.ออกกำลังกาย ให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องออกกำลังกายหนักก็สามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้แล้ว และ 3.อารมณ์ที่รวมถึงการหาแรงบันดาลใจด้วย ทั้งนี้ เชื่อว่าทุกคนรู้หลักการเหล่านี้แต่ไม่นำไปปรับใช้ ดังนั้น ขอให้สร้างแรงบันดาลใจแล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง
“แรงบันดาลใจว่าจะลดน้ำหนักเพื่ออะไร หากอ้วนมากแล้วเห็นตัวเองในกระจก ก็ให้เอาแรงบันดาลใจว่า ฉันจะลดแล้วกลับมาหุ่นดี ขณะที่ ผู้ที่มีครอบครัว มีลูกแล้ว ก็ขอให้มองตาลูก หากคุณไม่ลดน้ำหนัก ลูกก็จะลำบาก เพราะคุณจะเป็นโรคหัวใจหลอดเลือด นอนติดเตียง อัมพาตอัมพฤกษ์ เบาหวาน นี่เป็นการนำแรงบันดาลใจจากความรัก มาบังคับตนเองให้ควบคุมอาหาร ให้ออกกำลังกาย” นายสง่า กล่าว
เมื่อถามว่าผู้ผลิตอาหารเสริมมักมีการโฆษณาว่า ไม่มีสารกดประสาท แต่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติไม่ก่อให้เกิดอันตราย นายสง่า กล่าวว่า การโฆษณาจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะอาหารเสริมจะต้องมีการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้ตรวจสอบว่าสินค้านั้นไม่มีสารอันตราย แต่ต้องยอมรับว่าผู้ผลิตก็หัวใส กว่า 80% ที่หลังจากขออนุญาต อย.ผ่านแล้ว ก็ไปแอบใส่สารต่าง ๆ ที่หลัง ซึ่งอย.ก็มักจะไปสุ่มตรวจเจอทีหลัง ฉะนั้น ในฐานะผู้บริโภคที่เห็นข่าวแบบนี้บ่อยมาก เรายังจะเชื่ออีกหรือไม่ ดังนั้น เราต้องรู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้ โดยอย่าหลงเชื่อว่า การใช้ยาหรืออาหารเสริมจะช่วยลดน้ำหนักได้ หรือหากต้องการใช้ตัวช่วยแบบนี้จริง ๆ ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ ไม่ใช่การใช้ยาหรืออาหารเสริมโดยลำพัง เพราะไม่มีทางได้ผล