แนะติดป้ายเตือนอันตรายห่วงคนเมืองถูกไฟดูดช่วงน้ำท่วม
นายวิทยา บุรณศิริ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากข้อมูลผู้เสียชีวิตหลังเกิดน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2554 มีรายงานผู้เสียชีวิตทั้งหมด 366 ราย กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักระบาดวิทยา วิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตพบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 86 มาจากการจมน้ำ รองลงมาได้แก่ ไฟฟ้าช็อต ร้อยละ 6 จึงได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการจมน้ำและการถูกไฟฟ้าช็อต โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองย่านปทุมธานี นนทบุรี และ กทม.ซึ่งเป็นชุมชนในเขตเมือง เนื่องจากส่วนใหญ่ประชาชนยังอยู่ในบ้าน ไม่ยอมอพยพและไม่ยอมให้ตัดไฟ จึงขอให้ผู้ประสบภัยทุกคนระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเสียชีวิตจากไฟฟ้าช็อตเกิดจากสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะที่ตัวเปียก เช่น ตู้เย็นปลั๊กไฟ ปั๊มน้ำ ชาร์จสายไฟโทรศัพท์มือถือ หรือสัมผัสกับวัสดุหรืออุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น การใช้เรือเหล็ก การเปิดประตูลูกกรงเหล็ก การใช้ไม้หรือไม้พายที่เปียกน้ำไปสัมผัสกับสายไฟ หรืออยู่ในรัศมีของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดไฟรั่ว ซึ่งในการป้องกันไฟฟ้าช็อต ขอแนะนำให้ชุมชนสำรวจว่ามีสายไฟแรงสูงที่ใดบ้างที่ห้อยต่ำใกล้ระดับน้ำท่วมถึง และปิดป้ายเตือนประชาชนไม่ให้เดินหรือพายเรือเข้าใกล้บริเวณนั้น ห้ามใช้และสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดขณะที่ตัวเปียกชื้น หรือยืนอยู่บนที่ชื้นแฉะหรือตัวแช่อยู่ในน้ำ กรณีน้ำท่วมบ้านชั้นเดียว ให้รีบตัดกระแสไฟฟ้าโดยยกสะพานไฟขึ้นและงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด หากเป็นบ้าน 2 ชั้น ให้ตัดกระแสไฟฟ้าชั้นล่าง และใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะชั้นบนของบ้านเท่านั้น
นอกจากนี้ เครื่องไฟฟ้าที่ย้ายไม่ทันและถูกน้ำท่วมไปแล้วควรหยุดใช้งานจนกว่าจะได้รับการตรวจสอบสภาพ หากพบเสาไฟฟ้าขาด เสาล้ม สายไฟฟ้าขาดหรือแช่อยู่ในน้ำอย่าเข้าใกล้ ต้องรีบแจ้งการไฟฟ้าที่อยู่ในพื้นที่รีบแก้ไขโดยด่วน
สำหรับการช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อต จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้บาดเจ็บไม่ได้สัมผัสกับสายไฟฟ้าหรือตัวนำไฟฟ้าใดๆ และตัดวงจรไฟฟ้าก่อนเข้าไปช่วยโดยผู้ที่เข้าไปช่วยร่างกายต้องไม่เปียกชื้น ไม่เปียกน้ำยืนบนที่แห้งและสวมรองเท้า ไม่สัมผัสตัวผู้ที่ถูกไฟฟ้าช็อตโดยตรง ให้ใช้ผ้าแห้งหรือเชือกดึงตัวออกมาจากจุดเกิดเหตุโดยเร็ว แล้วรีบปฐมพยาบาล ถ้าหยุดหายใจให้เป่าปากช่วยหายใจ หากคลำชีพจรไม่ได้ให้นวดหัวใจ และรีบส่งโรงพยาบาลทันที หรือขอความช่วยเหลือหน่วยแพทย์ฉุกเฉินหมายเลข 1669 แต่หากไม่มีความรู้ในการตัดกระแสไฟฟ้าหรือวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้องให้รีบตามคนมาช่วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า