แง้มดู ‘สวนผักคนเมือง’ ทางเลือกอาหารปลอดภัย
คะน้าใบเขียว ลำต้นกำลังพอเหมาะสำหรับต้นไปผัดน้ำมันหอย สลับกับแปลงผักกาดขาว และผักกว้างตุ้งที่เพิ่งแตกใบเขียวอ่อนอีก 2-3 แปลง เรียกน้ำย่อยคนชอบกินผักสดเหล่านี้ ถือเป็นผลผลิตแรก ของชาวชุมชนหมู่บ้านปิ่นเจริญ 1 ย่านดอนเมือง หลังจากผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมหนักเมื่อ 5 เดือนก่อน
ถัดไปอีกนิดบวบลูกเล็กๆ เริ่มห้อยระโยงระยางบนเสาไม้ที่ปักไว้ ที่ด้านล่างมีพริกขี้หนูสวน 2-3 ต้นสูงกว่าครึ่งเมตร อวดเม็ดเล็กสีแดง จนกลบใบสีเขียวไปเกือบหมด
วันนี้ สวนผักกลางหมู่บ้านปิ่นเจริญ 1 ถนนสรงประภา จึงดูคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อลุงป้าๆ ในหมู่บ้านแห่งนี้ พร้อมใจกันมารดน้ำ พรวนดิน ถอนหญ้าในแปลงผักของชุมชนโดยไม่ได้นัดหมาย
“เท่าที่ช่วยกันปลูกไว้ตอนนี้ก็มีกว่า 10 อย่างแล้ว เช่น คะน้า กวางตุ้ง บวบ พริก กะเพรา ผักบุ้ง โหระพา มะเขือ ถั่วฝักยาว สลับกันไปเราเน้นผลูกพืชผักที่ใช้ระยะเวลาสั้นแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น พอหมดก็จะได้ลงเพิ่มเติมได้ง่าย ไอ้ที่ลองปลูกแล้วไม่ขึ้นก็พวกแตงกวา ออกดอกมาแล้วร่วงหมด สงสัยจะสู้แดดไม่ไหว”
สันติ ภู่ด้วง ประธานชุมชนหมู่บ้านปิ่นเจริญ 1 ชี้ให้ดูแปลงผักบนเนื้อที่กว่า 100 ตารางวา ที่ก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อนเคยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้เขียวครึ้มไปด้วยแปลงผักสีเขียวขจีแบบในตอนนี้
จุดเริ่มต้นของแปลงผักพวกนี้คงต้องยกความดีให้กับ “น้องน้ำ” ที่มาเยี่ยมเยือนเมื่อช่วงปลายปี 2554 ทำให้คนในชุมชนตื่นตัวที่จะปรับตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกพืชผักสวนครัวที่จำเป็นไว้กินเอง จากเดิมที่ต้องซื้อทุกอย่างจากร้านค้า
ถือว่าโชคดี เพราะเราได้ทุนตั้งต้นประมาณ 31,000 บาท มาจากโครงการสวนผักคนเมือง โดยใช้หลักคิดว่าเอาพื้นที่รกร้างในหมู่บ้านที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยมาทำแปลงผัก อาศัยแรงงานของคนที่เกษียณอายุ คนทำงาน และเด็กๆ ในหมู่บ้านมาช่วยกันปรับพื้นที่ ต่อถังน้ำขนาด 1,000 ลิตร และสายยางยาว 50 เมตรเพื่อรดน้ำแปลงผัก
“ทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก จากเดิมที่คนในชุมชนที่มีตั้ง 900 หลังคาเรือน บางคนแทบ ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็มารู้จักในแปลงผัก เรียกว่าแปลงผักทำให้เกิดความสามัคคีขึ้น”
ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.นี้ ชุมชนที่นี่ๆ ได้ลิ้มลองผลผลิตที่ร่วมกันปลูกไว้ โดยไม่ต้องเสียสตางค์ โดยเฉพาะผักที่ต้องติดไว้ในครัวอย่างขาดเสียไม่ได้ เช่น พริกขี้หนู มะเขือขาวจิ้มน้ำพริก ใบผักต่างๆ ซึ่งนอกจากจะปลูกผักแปลงกลางของหมู่บ้านไว้แล้ว ปัจจุบันยังเตรียมขยายต้นกล้าผักที่เพาะเอาไว้ ส่งเสริมให้กับคนในหมู่บ้านเอาไปปลูกในพื้นที่บ้านของตัวเองอีกด้วย
“ที่บ้านผมก็ปลูกผัก กับบวบ ไปเก็บกล่องโฟมที่เขาทิ้งไว้ที่ตลาดแถวบ้านมาใส่ดิน ใส่ปุ๋ยคอก วางไว้หน้าบ้านส่วนบางบ้านเขาก็เอาพวกคะน้า ไปลองปลูกในตะกร้าแบบแขวน ซึ่งคนเมืองที่ไม่มีพื้นที่มากสามารถใช้รูปแบบนี้ได้ เพราะนอกจากเราจะได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านแล้ว ยังได้ผักปลอดสารพิษ และช่วยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นกับผักบางประเภท เช่น โหระพา กะเพรากำละ 5 บาท” สันติบอก
“บ้านผมก็ปลูกผักกับบวบ ไปเก็บกล่องโฟมที่เขาทั้งไว้ที่ตลาดแถวบ้าน มาใส่ดินใส่ปุ๋ยคอกวางไว้หน้าบ้านส่วนบางบ้านเขาก็เอาพวกคะน้า”
ส่วนการดูแลรดน้ำ พรวนดิน ถอนหญ้าแปลงผัก ก็จะมีกรรมการหลักๆ 25 คน และคนที่ว่างจากงานในช่วงเย็นหลังเลิกงานแวะเวียนกันมา โดยเฉพาะพวกมือปลูกผักเก่งๆ ถ้าว่างก็จะมาลงเพาะเมล็ดพันธุ์ที่หาซื้อเอาไว้สำรอง และเพาะกล้าเตรียมแจกจ่ายให้กับคนที่สนใจ ซึ่งตอนนี้ก็มีแผนจะปลูกต้นมะเขือเทศ ผักชีฝรั่ง และอีกสารพัด
สวนผักของหมู่บ้านปิ่นเจริญ 1 ถือเป็นตัวอย่างชุมชนที่ปรับตัวในช่วงวิกฤติน้ำท่วม และวิกฤติค่าครองชีพที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับอีกหลายชุมชนในย่านดอนเมือง อาทิ หมู่บ้านเดอะคอนเนค ซอยวิภาวดี 41 ก็เริ่มพบการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น รั้วข้างบ้านหลายหลัง ที่เคยปลูกแต่ไม้ดอกไม้ประดับตอนนี้ถูกเติมดิน ให้กลายเป็นแปลง “ผักรวม” มีทั้งมะเขือเทศ พริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด โหระพา กะเพรา บวบ มะระขี้นก
“ประสบการณ์จากน้ำท่วมจากน้ำท่วมคราวนี้เราพบว่ามีแง่บวกที่ดี เพราะชุมชนเมืองที่เคยถูกน้ำท่วมเริ่มคิดวิธีการใหม่ๆ ในการปลูกผักกินเองมากขึ้น จากเดมที่เขาปลูกผักลงดิน แต่เทรนด์น้ำท่วม ทำให้รูปแบบการปลูกผักในตะกร้า แบบแขวน และยกพื้นได้รับความนิยมขึ้น” วรางคนางค์ นิ้มหัตถา ผู้ประสานงานโครงการสวนผักคนเมืองเริ่มบทสนทนา
วรางคณา ขยายความว่า โครงการสวนผักคนเมือง เกิดจากความร่วมมือของมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน และภาคีเครือข่ายภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ที่อยากเห็นคนเมืองกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกที่มีบ้านทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียมโรงเรียน วัด โรงพยาบาลสถาบันการศึกษามีกิจกรมการปลูกผักที่เป็นรูปธรรม
“การจัดประกวดสวนผักในบ้านฉันทำให้พบว่ามีคนปลูกผักกินเองในบ้านเยอะเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรจะขยายผลไปยังชุมชนต่างๆ เพิ่มขึ้น จึงได้ทำโครงการประกวดสวนผักในเมืองขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยเน้นกลุ้มเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามาร่วมทำสวนผักคนเมืองนั้น”
ทำให้บุคคลที่สนใจปลูกผักกินเองมากขึ้น และใช้พื้นที่ตนเองในรูปแบบต่างๆ เช่น ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว คอนโดหรือบ้านในชุมชนแออัด และกลุ่มบุคคลที่ใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน ได้แก่ ภายในโรงเรียน ชุมชนแออัด โรงงาน วัด รวมถึงบ้านจัดสรร เป็นต้น
“เราเน้นความคิดว่าการปลูกผักจะต้องมาจากการรวมตัวของคน 5 คนขึ้นมาทำกิจกรรมร่วมกัน มาเชื่อมสัมพันธ์กันเพราะจากเดิมเขาอาจไม่รู้จักกัน ไม่คุยกันและจะเอาแปลงผักมาเป็นตัวเชื่อม ซึ่งนอกจากจะได้ผลผักปลอดภัยไว้กินเองทำให้ส่งผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังทำให้เกิดการพึ่งพาตัวเอง และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง”
โดยเครือข่ายปลูกผักในเมืองได้สนับสนุน 48 โครงการในปีแรงสำหรับกทม.และปริมณฑล และปีนี้อีก 48 โครงการ แต่ขยายเขตไปถึง จ.ชัยนาท อ่างทอง สระบุรี สิงห์บุรี เมืองชลบุรี ฉะเชิงเทรา ราชบุรี เป็นต้น โดยจะเน้นทุนไม่เกิน 35,000 บาท”
หลายโครงการที่นาสนใจ และสามารถใช้ “ผัก” ไปสร้างกิจกรรมตัวอย่างที่นาสนใจ เช่น คลินิกจิตเวชที่โรงพยาบาลอ่าวอุดม จ.ชลบุรี ที่สามารถใช้ผักในการบำบัด ผู้ป่วยจิตเวชและขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ ของโรงพยาบาล โดยเริ่มจากคลินิกวันศุกร์ที่ผู้ป่วยและผู้ปกครองต้องมานั่งรอหมอเฉยๆ เขาก็เลือกเอาผักใส่ภาชนะมาตรงที่คนป่วยมานั่งรอ และให้นำผักไปปลูกที่บ้าน
กิจกรรมนี้ทั้งผู้ปกครองและผู้ป่วยก็ร่วมกันทำได้ และช่วยลดรายจ่ายในครอบครัว และยังให้ผลมากกว่านั้นเพราะคนในโรงพยาบาล พยาบาลเจ้าหน้าที่ก็คุยกันโดยเริ่มจากตะกร้าผัก เรียกว่าสามารถเชื่อมน้อยกลุ่มงานในโรงพยาบาล ที่มาเจอกันก็คุยกันเรื่องปลูกผักแทน ตอนนี้แลยเป็นว่ามันขยายไปสู่คลินิกอื่นๆ ในโรงพยาบาล ใช้ผักในการบำบัดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
กระนั้นก็ตาม หากให้ไล่เรียงรูปแบบสวนผักคนเมือง เธอบอกว่า ตอนนี้เทรนด์สวนผักแขวน สวนผักยกพื้น มาแรงเพราะประสบการณ์จากน้ำท่วม จากเดิมที่จะเน้นการปลูกแบบแปลงๆ ซึ่งแปลงแขวนสามารถทำได้ทั้งกับทาวน์เฮ้าส์ คอนโดที่มีพื้นที่น้อยๆ นอกจากนี้ก็มีสวนผักข้างกำแพงสวนผักในภาชนะ สวนผักบนดาดฟ้า สวนผักแบบคอนโดเรียงๆ กันขึ้นไป ซึ่งระหว่างวันที่ 8-9 มิ.ย.นี้ ทางโครงการจัดกิจกรรม “ปลูกเมือง ปลูกชีวิต” ขึ้นที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนรถไฟ) ซึ่งจะเชิญคนปลูกผักมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันด้วย
“วันนี้คุณปลูกผักหรือยัง?”
เรื่อง: จันทร์จิรา พงษ์ราย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ