แก้ปัญหาเกษตรกร

ยุติขัดแย้ง

 

          การรวบรวมข้อมูลและความเห็นจากส่วนท้องถิ่น เป็นหนึ่งในกระบวนการที่คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.) ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเชื่อมั่นว่าการรับฟังเสียงจากชุมชน ซึ่งเป็นฐานรากของประเทศ จะเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่หนทางแก้ไขวิกฤติประเทศได้ในที่สุด

 

แก้ปัญหาเกษตรกร

         

          ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดเวทีระดมความคิดความเห็นจากชาวบ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น และภาคส่วนต่างๆ เสนอปัญหาและแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยนายสน รูปสูง รองประธานกรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป หนึ่งในคณะกรรมการ คสป. กล่าวว่า สังคมไทยอยู่ร่วมกันด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งการศึกษาเศรษฐกิจ เกษตรกรรม ซึ่งแต่ละองค์ประกอบก็มีส่วนแยกย่อยที่ประกอบกันและยึดถือปฏิบัติกันมายาวนาน โดยเฉพาะโครงสร้างระบบการเมืองการปกครองที่ใช้มา 78 ปี ปัจจุบันจึงได้ผุกร่อนจำเป็นต้องรื้อทั้งระบบ

 

          จากการสัมมนา “ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การปฏิรูปประเทศไทย” เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมเห็นด้วยที่จะมีการปฏิรูปใหม่ เพราะประเทศไทยถูกออกแบบมานาน แต่การปฏิรูปนั้นต้องเป็นการปฏิรูปที่เป็นการปฏิรูปของทุกคน ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม และต้องทำจากฐานล่างขึ้นสู่ข้างบน ทำจากหมู่บ้าน สู่ประเทศ แต่ละจังหวัดต้องจัดเวทีกระตุ้นให้แต่ละหมู่บ้านจัดทำข้อเสนอ เพื่อนำสู่การแก้ไข ซึ่งข้อเสนอที่สามารถแก้ได้ก็ให้ทำทันที แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ให้รวมตัวกันจัดเวทีร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และส่วนราชการ แล้วนำแนวทางการแก้ปัญหาที่เกินอำนาจของตัวเองเสนอต่อคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป

 

          สำหรับข้อเสนอจากการจัดสัมมนาชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การปฏิรูปประเทศไทย ที่จัดโดยคณะกรรมการเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อการปฏิรูป คสป.มีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นประธาน ซึ่งมีองค์ประกอบของคณะกรรมการที่มาจากผู้แทนชุมชนและผู้แทนหน่วยงานที่ทำงานกับชุมชน โดยคณะกรรมการชุดนี้ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนขบวนชุมชนให้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ

 

          นำเสนอแนวทางจากที่น่าสนใจ 6 ข้อ ประกอบด้วย ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ซึ่งมีความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชุมชน ทุนกับชุมชน ขอให้ยุติโครงการพัฒนาของรัฐ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของเอกชน อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ โครงการท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล โครงการเหมืองแร่ โรงถลุงเหล็ก โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ปัญหาหนี้สินนอกระบบ หนี้สินเกษตรกร ปัญหาการเมือง ความขัดแย้งการใช้อำนาจรัฐ ปัญหาสังคม ปัญหาการกระจายอำนาจ และระบบการจัดสรรงบประมาณสู่ท้องถิ่น

 

          ข้อเสนอเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างดี อย่าง ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป และซึ่งเชื่อมั่นว่าการแก้ปัญหาเหล่านี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ผลสำเร็จในอนาคต

 

          สอดคล้องกับ นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ในฐานะเลขาธิการสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคม อบต.แห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ ดังนั้น สมาคมจึงได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อวางแผนการพัฒนา อบต.พร้อมนำด้านสุขภาวะชุมชน เป็นกลไกในการทำงานเพื่อสนองต่อนโยบายการปฏิรูปประเทศไทย

 

          นายธีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ อบต.บ้านหม้อ ได้ตอบสนองแนวทางดังกล่าว โดยในงบประมาณปี 2554 อบต.บ้านหม้อ ได้วางแผนงานครอบคลุมทุกด้าน และเน้นการกระจายงบประมาณลงสู่พื้นที่ ในรูปแบบการส่งเสริมพัฒนาการศึกษาทางเลือกใหม่ เน้นการลดรายจ่ายครัวเรือน พัฒนางานด้านสุขภาพที่เข้าถึงระบบบริการ พัฒนาระบบสวัสดิการ ยกระดับคุณภาพสังคมอยู่อย่างวิถีไทย และการสร้างแผนงานด้านเศรษฐกิจชุมชน โดยเป้าหมายหลักเพื่อนำไปสู่การเติมรอยยิ้มให้ประชาชนได้ครอบคลุมทุกมิติ

 

          ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อบต.บ้านหม้อ ได้วางแผนพัฒนาในลักษณะดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ อบต.สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงเป้าหมาย และเกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ที่สำคัญได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชน หน่วยงานราชการในพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ”

 

          นายธีรศักดิ์ บอกว่า อบต.บ้านหม้อ มีความเชื่อเสมอว่า อบต. คือ เครื่องมือของประชาชน จึงได้นำร่องการพัฒนาเรื่องสุขภาวะมาเป็นกลไกของการพัฒนา อีกทั้งเพื่อเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาขององค์กรปกครองท้องถิ่นด้วยกัน และตอบโจทย์การปฏิรูปประเทศไทย ด้วยการปฏิรูปท้องถิ่นในรูปแบบการพัฒนาเชิงนวัตกรรมแบบมีส่วนร่วมของประชาชน

 

          การปฏิรูปประเทศไทยได้มีการเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อนโยบายนี้ประสบผลสำเร็จ สามารถสร้างความเข้มแข็งและความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศของเราได้ ก็จะสามารถสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและเข้มแข็งอย่างยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

 

 

 

update : 22-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

Shares:
QR Code :
QR Code