เส้นทางสู่การบริโภคอย่างสมดุล
โภชนาการ-แคลลอรี่-ออกกำลังกาย
เมื่อเร็วๆ นี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดสัมมนา เรื่อง “เส้นทางสู่การบริโภคอย่างสมดุลเพื่อคนไทยสุขภาพดี” โดย นพ.ฆนัท ครุธกูล เครือข่ายคนไทยไร้พุง ที่โรงแรมแฟร์เท็กซ์ สปอร์ตคลับ พัทยา จ.ชลบุรี รวมทั้งมีการบรรยายเรื่อง “หลักโภชนาการพื้นฐาน” โดย ผศ.ดร.อาณดี นิติธรรมยง, เรื่อง “การสร้างสมดุลระหว่างหลักโภชนาการและการมกิจกรรมทางกาย” โดย รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู, เรื่อง “อาหารที่เป็นแหล่งพลังงานหลักของประชากรไทย” โดย ผศ.ดร.นิภาโรจน์ รุ่งวศินกุล
นพ.ฆนัท กล่าวถึงเส้นทางสู่การบริโภคอย่างสมดุลเพื่อคนไทยสุขภาพดีว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคไต ปอด มะเร็ง และหัวใจและหลอดเลือดกันมาก สาเหตุมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากการออกกำลังกายน้อยลง กินอาหารมากขึ้น กลายเป็นโรคอ้วน ซึ่งเป็นบันไดก้าวแรกสู่โรคอื่น ความอ้วน คือการสะสมไขมัน และน้ำตาลมากเกิน โดยที่ไม่สามารถเผาผลาญได้หมด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ร่างกายเกิดความสมดุล ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมาก
โดยดูได้จาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1.ความอ้วน (ไขมันมาก) 2.ความฟิต (การมีสุขภาพดี) และ 3.การมีอารมณ์ดี (จิตใจดี) อีกประเด็นหนึ่งคือแนวคิดอุตสาหกรรมแปรรูปกับอาหารธรรมชาติก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันตลอด เช่น สมัยก่อนฮิตส้มแขก บุก ปัจจุบันฮิตกาแฟลดความอ้วน ซึ่งก็ยังไม่มีการวิจัยที่แน่ชัดว่าผลเป็นอย่างไร แต่คนไทยก็เชื่อไปหมดแล้ว ดังนั้นจะเห็นว่าสังคมไทยคนไทยถูกหลอกได้ง่าย
นพ.ฆนัท ยังกล่าวอีกว่า การดูแลสุขภาพเบื้องต้นให้ดู 2 เรื่องคือ ดูว่าตนเองนั้นมีพุงหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ามีสารไม่ดีในร่างกาย และดูที่กล้ามเนื้อว่าแข็งแรงหรือไม่ หากกล้ามเนื้อแข็งแรง อันหมายถึงมีการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อเหล่านั้นก็จะไปกำจัดสารพิษในร่างกาย แม้คนผอม ก็ใช่ว่าร่างกายจะแข็งแรงเสมอไป
นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายโต๊ะกลม ถาม-ตอบโดย ดร.พิเชฐ อิฐกอ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผศ.ดร.อาณดี นิติธรรมยง นพ.ฆนัท และนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า คำโฆษณาหลายตัว คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังไม่อนุญาตให้ใช้ เช่น แคลเซียมมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงเรื่องกระดูกพรุน แต่ผู้ประกอบการก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยยอมรับที่จะถูกปรับเพราะขายสินค้าได้มากกว่า สภาอุตสาหกรรมฯ ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องอยู่ถึง 250 ราย จึงอยากรณรงค์ส่งเสริมและให้การศึกษาด้านโภชนาการสู่ประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงมีส่วนช่วยกันฝ่าวิกฤตด้านภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในประเทศไทย ซึ่งเป็นภัยเงียบที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ดร.พิเชฐ ยังกล่าวว่า สมาชิกฯ เหล่านี้ต่างพร้อมใจอุทิศตนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนกระบวนการฝ่าวิกฤตด้านภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในประเทศไทย ซึ่งจัดเป็นภัยเงียบที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นกิจกรรมนี้ถึงถือเป็นการส่งเสริมการศึกษาด้านโภชนาการ และสมดุลแห่งสุขภาพ คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาเหล่านี้ งานสัมมนานี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนรณรงค์ส่งเสริม การให้การศึกษาด้านโภชนาการทั่วประเทศของกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม ในสังกัดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นำไปสู่การมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนของประชาชน
จากนั้น นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวปิดงานว่า หวังว่าการสัมมนาที่เพิ่งจะยุติลงนี้ จะช่วยให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของความเข้าใจในสมดุลแห่งการบริโภคและการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงาน ที่ร่างกายของเราได้รับ อันเป็นกุญแจสำคัญแห่งการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี หลักแห่งสมดุลดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วประเภทหรือปริมาณของอาหารและเครื่องดื่มที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการมีสุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรง สมดุลแห่งการบริโภคที่สอดคล้องกับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่างหาก คือหัวใจของการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
เหตุนี้เองอุตสาหกรรมอาหารสำเร็จรูปสมัยใหม่ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วยผู้ประกอบการร่วม 250 ราย ล้วนเป็นสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม ในสังกัดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทั้งสิ้น ต่างเชื่อมั่นว่าการส่งเสริมการศึกษาด้านโภชนาการควบคู่ไปกับวิถีสุขภาพ ที่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ประกอบกับการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมอาหาร ในกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณสุขที่มากขึ้น ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในกลุ่มคนไทย ที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ในฐานะกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ และเติบโตรวดเร็วมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง ทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนโอกาสด้านการส่งออกให้แก่ผลิตผลในภาคการเกษตรของประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารใหม่ของประเทศไทยอย่างเรานั้น มุ่งมั่นที่จะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ และยังประโยชน์สูงสุดแก่สังคมไทย
“เราในฐานะกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ในสังกัดสภาอุตสาหกรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญโดยตรงในด้านนี้ ต่างมุ่งมั่นที่จะริเริ่มสรรหาทางเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นให้แก่ผู้บริโภค พร้อมทั้งเพิ่มการลงทุนในด้านการรณรงค์ส่งเสริมการศึกษา และสร้างเสริมความเข้าใจ ตลอดจนความตระหนักรู้ด้านโภชนาการและการออกกำลังกายให้มากขึ้น ทั้งนี้งานสัมมนานี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ในกระบวนการรณรงค์ด้านการศึกษาของเรา โดยขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน ซึ่งถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการรายงานข่าว เกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ และโภชนาการต่างๆ อย่างถูกต้องและเที่ยงธรรม โดยการให้ข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกบริโภคอาหาร และดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุล ตลอดจนพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนไทย ที่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักตัว”
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม ในสังกัดสภาอุตสาหกรรมฯ ต่างมุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้มแข็ง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการกำหนดมาตรฐาน กำกับดูแลให้ธุรกิจปฏิบัติตามบรรทัดฐานที่ได้กำหนด พร้อมทั้งพัฒนาระบบการจัดทำฉลากอาหาร ที่มุ่งให้ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับวัตถุดิบและส่วนประกอบของอาหาร ตลอดจนพลังงานที่ได้รับจากการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารแต่ละชนิด ตามความเป็นจริง
ทั้งนี้เป็นการเพิ่มความเข้มแข็ง และประสิทธิภาพในการกำกับดูแลตนเอง ควบคู่ไปกับการลงทุนมหาศาลในการรณรงค์ให้การศึกษาด้านโภชนาการ และการออกกำลังกาย ล้วนเป็นไปเพื่อเพิ่มสำนึกรับผิดชอบต่อพฤติกรรมการบริโภค และการใช้ชีวิตของตนเอง ตลอดจนร่วมรณรงค์ส่งเสริมการสร้างสุขภาวะ ในหมู่ประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นทางออกที่ยั่งยืน ในระยะยาว เพียงทางเดียว สำหรับปัญหาอันมีผลมาจากวิถีชีวิต-เฉื่อย และการบริโภคโดยขาดสมดุล ซึ่งรุมเร้าประเทศอยู่ในขณะนี้ เพื่อช่วยกันเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีในหมู่คนไทยด้วยกันต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย โดย มนสิการ รามจันทร์
update : 22-10-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร