เว้นระยะห่างสังคม ลด-งด แพร่โควิด-19

ที่มา : มติชน


ภาพประกอบจาก สสส.


เว้นระยะห่างสังคม ลด-งด แพร่โควิด-19 thaihealth


สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยได้กินวงขยายไปหลายพื้นที่ รัฐบาลรวมถึงประชาชนต่างก็ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันโรค แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความมีสติและไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป ทางออกของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคนจากทุกฝ่าย


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. รองประธานกองทุน สสส. คนที่ 1 เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกองทุน สสส. ครั้งที่ 3/2563 พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่ภายในอาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ หลังจากที่มีการปรับสภาพแวดล้อมภายในอาคาร เพิ่มระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)


โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่โรงอาหาร ชั้น 1 ลิฟต์โดยสาร ร้านน้ำชื่นใจ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดที่บุคคลทั้งภายในองค์กร และบุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ และสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. ได้ร่วมออกแบบพื้นที่ตาม แนวคิด social distancing เพื่อเพิ่มระยะปลอดภัยจากฝอยละอองน้ำลาย 1-2 เมตร เมื่อเวลามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน และไม่รวมกลุ่มกันจำนวนมาก


นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้กำหนด 6 มาตรการเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิดอย่างเต็มที่ และพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันสุขภาพของคนไทย ดังนั้น ตนอยากให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีวิชาการ มีบุคลากร มีทีมแพทย์ที่พร้อมสกัดกั้นหยุดการระบาดที่รุนแรงได้ ซึ่งที่ผ่านมา สสส.ได้ใช้ศักยภาพในด้านการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อสังคมในเรื่องนี้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ #ไทยรู้สู้โควิด ซึ่งได้เปิดช่องเผยแพร่ข้อมูลทั้งทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องทั้งการปฏิบัติตัว การป้องกัน การแพร่เชื้อ เป็นต้น อย่างไรก็ตามอยากให้ สสส. เพิ่มความเข้มข้นในการสื่อสาร เพื่อสร้างความตระหนักความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ลดความตื่นตระหนก โดยเฉพาะการทำความเข้าใจในประเด็นระยะห่างทางสังคมเพื่อลดการแพร่ระบาด ซึ่งทราบว่า สสส.ได้ปรับแผนการดำเนินงานทั้ง 15 แผนงานเพื่อสนับสนุนการทำงานโควิดแล้ว


ด้าน นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing ถือเป็นแนวปฏิบัติในการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ลดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน อาทิ การเว้นระยะระหว่างบุคคล 6 ฟุต หรือประมาณ 180 เมตร การเว้นระยะห่างในระหว่างการสื่อสาร หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการโต้ตอบอย่างใกล้ชิด การหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด เช่น โรงเรียน โรงภาพยนตร์ กิจกรรมหลีกเลี่ยงการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีแนวโน้มต้องอยู่ร่วมกับบุคคลจำนวนมาก


เบื้องต้นทาง สสส.จะสนับสนุนแนวทางนี้ให้กับ โรงพยาบาล เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง และประชาชน ที่ต้องอยู่ในกลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรค ซึ่งแนวทางมาตรการระยะห่างทางสังคม มีข้อมูลยืนยันได้ผลลดการเสี่ยงแพร่ระบาด เช่นที่ประเทศจีนก็ใช้วิธีนี้ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันตัวเองที่รณรงค์ให้ความรู้ก่อนหน้านี้ กินร้อน ช้อนกลางที่เป็นช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย ก็ต้องไม่ละทิ้ง


นายสุปรีดากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สสส.ได้นำแนวคิดดังกล่าว แปลงข้อมูลจัดทำในรูปแบบอินโฟกราฟิก เพื่อสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจง่าย เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สนามบิน ท่าเรือ โรงพยาบาล นอกจากนี้ ได้จัดทำคลิปวิดีโอ ป้องกันตัวจากความเสี่ยงในการรับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย โดย สสส.วางมือจากงานอื่น มาร่วมต่อสู้กับโรคระบาดใหม่นี้เคียงข้างหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ เน้นสื่อสารข้อมูลที่น่า เชื่อถือ โดยใช้แฮชแท็ก #ไทยรู้สู้โควิด เป็นงานเร่งด่วน


ทั้งนี้คำแนะนำสำหรับการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ประชาชนสามารถปฏิบัติได้อย่างง่ายโดยเริ่มจากตนเอง อาทิ


1.ระยะห่างในลิฟต์โดยสาร ให้แบ่งตำแหน่งยืนเป็น 4 ช่อง และหันหน้าเข้าผนังหรือมุมห้องลิฟต์โดยสาร


2.การจัดระยะห่างในการเข้าคิวต่างๆ ควรเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลประมาณ 90-100 เซนติเมตร (ซม.)


3.งดจัดการประชุมหรือกิจกรรมที่มี ผู้เข้าร่วมจำนวนมาก โดยแนะนำให้ใช้วิธีการประชุมผ่านวิดีโอทางไกล


4.หลีกเลี่ยงการเข้าสถานที่แออัดหรือที่มีคนพลุกพล่าน เช่น สถานบันเทิง การชุมนุมกิจกรรมคอนเสิร์ตหรือสันทนาการต่างๆ


5.ลดความถี่ในการเข้าพื้นที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของ ห้องซักรีดรวม 6.ลดเดินทางพบปะกับ ผู้อื่น เช่น การพบปะญาติ สังสรรค์เพื่อนฝูง การเดินทางไปต่างประเทศ


เพื่อลดโอกาสในการรับและแพร่เชื้อหากประชาชนคนไทยร่วมมือกันปฏิบัติได้โดย "เปลี่ยนจากความตระหนกเป็นความร่วมมือ" เราจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างเสียหายน้อยที่สุด

Shares:
QR Code :
QR Code