เลิก “เหล้า” ถวายในหลวง
ชีวิตแล้วชีวิตเล่าที่ต้องสังเวยต่อ “เหล้า” มัจจุราชตัวฉกาจฉกรรจ์ที่คอยจับจ้องเอาชีวิตผู้ดื่ม ไม่ด้วยอุบัติเหตุ ก็ด้วยโรคร้ายต่างๆ นานา… แต่ทำไมคนเราถึงยังดื่ม ดื่ม ดื่มมากขึ้นทุกวัน แถมยิ่งนับวันอายุของคนดื่มยิ่งจะน้อยลงทุกที!!!
เขาคนนี้ก็เช่นกัน… เคยตกเป็นทาสของ “น้ำเมา” มาแล้ว ถึงขั้นเช้าก็ดื่ม เที่ยงก็ดื่ม เย็นก็ดื่ม ดื่มจนข้ามวันข้ามคืน ไม่เป็นอันทำการทำงาน …ลืมตาขึ้นมาก็มีแต่เหล้า เหล้า เหล้า แล้วก็เหล้า… แต่ปัจจุบันนี้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปแล้ว…
นายบรรพต จำนงค์กิจ หรือพี่เกรียง ประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ เล่าว่า ต้นเหตุของการดื่มสุราของพี่..เริ่มต้นเมื่ออายุประมาณ 20 ปี หรือเมื่อพ.ศ.2535 ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ชั้นปีที่ 1 เหตุผลคงจะไม่ต่างอะไรมากมายกับคนทั่วไปที่อยากรู้อยากลอง หรือต้องการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง แต่หลังจากได้ดื่มเจ้าน้ำเปลี่ยนนิสัยครั้งแรกแล้ว ก็ต้องมีครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ตามมา ซึ่งช่วงที่ดื่มหนักๆ นั้นข้าวปลาอาหารก็ไม่ค่อยจะได้กิน ดื่มแต่เหล้า จนเรียกได้ว่าดื่มเหล้าแทนน้ำเลยก็ว่าได้ ดื่มแบบข้ามวันข้ามคืน ดื่มจนเมาแล้วหลับไป พอตื่นมาก็ดื่มต่อ และนับวันปริมาณยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นคน “ติดเหล้า” ไปเลยก็ว่าได้ จากคนที่มีน้ำหนัก 94 กิโลกรัม ลดลงจนเหลือเพียง 75 กิโลกรัม
…..ด้วยสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป ทำให้คนในครอบครัวและบุคคลภายนอกที่พบเห็นส่ายหัว แต่ก็ตักเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า ให้ลดการดื่มลง บางคนก็บอกให้เลิกไปเลย…ทำแม้กระทั่งพาไปอาบน้ำมนต์ที่วัด เปลี่ยนชื่อเพื่อให้เป็นสิริมงคลและอื่นๆ ต่างๆ นานาเท่าที่จะสามารถทำและพึ่งพาได้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง…ทำให้ผู้ที่เป็นแม่ถึงขั้นเอ่ยปากว่า “ไปซื้อโลงเตรียมไว้เอาให้มันได้เลย….”
ดื่มเยอะขนาดนี้ร่างกายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองบ้างหรือ???????
หลังจากที่ดื่มหนักๆ มาได้สักระยะ ไม่นานพี่เกรียงก็ต้องเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์เพราะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พี่เกรียง เลิกดื่มเหล้าได้ แต่ตรงกันข้ามกลับดื่มหนักขึ้น หนักขึ้นทุกวัน จนต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวอีกนับครั้งไม่ถ้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยสาเหตุเดิมๆ ที่ร้ายแรงที่สุดถึงขั้นต้องหามเข้าไอซียูมาแล้ว ซึ่งหมอได้วินิจฉัยว่ามีเกล็ดเลือดต่ำและตับโต มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนตลอดเวลา เหตุมาจากดื่มสุราเกินขนาดนั่นเอง น่าสลดที่เหตุการณ์นี้ยังไม่ได้ทำให้พี่เกรียง คิดที่จะเลิกดื่มได้เลย!!! ยังใช้ชีวิตราวกับว่าไม่เคยเข้าไอซียูมาแล้วแม้แต่น้อย
เรียนจบพี่เกรียง ก็ยังคงดื่มเหล้า และเข้า-ออกโรงพยาบาลเหมือนเคย จนหมอที่รักษาถึงกับเอ่ยปากบอกว่า “ถ้ายังไม่หยุดดื่มเหล้า จะไม่ยอมรักษาให้อีก” ซึ่งในการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายนี่เอง ที่ทำให้พี่เกรียง ได้พบกับเหตุการณ์บางอย่างและนี่ถือได้ว่า “เป็นจุดเปลี่ยนให้ชีวิตคนขี้เมาคนหนึ่งเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้”
จุดเปลี่ยนของชีวิต…คนขี้เหล้า!!!
คำพูดที่หมอบอกเหมือนเป็นเพียงแค่ลม ที่พัดผ่านเข้ามาแล้วก์พัดผ่านออกไป ไม่ได้ทำให้พี่เกรียง คิดที่อยากจะเลิกเหล้าแม้แต่อย่างใด…
“การรักษาครั้งนี้เป็นการรักษาที่ยาวนานที่สุด วันแล้ววันเล่าผ่านไป พี่เกรียงก็ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และแล้ววันหนึ่งเมื่อพี่เกรียงเปิดโทรทัศน์ดู เพื่อคลายความเบื่อที่ต้องนอนเฉยๆ เป็นเวลานานๆ แต่สิ่งที่เปิดเจอนั้นทำให้พี่เกรียงถึงกับนั่งนิ่ง ตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า…
ภาพนั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมารับแขกบ้านแขกเมือง พี่เกรียงถึงกับตกใจมาก “ทำไมพระองค์ถึงทรงพระชราเช่นนี้ คงเป็นเพราะทรงงานหนักเพื่อประชาชนแน่ๆ” ต่างกับภาพพระองค์ที่เราชอบมองตอนเด็กๆ และภาพนั้นทำให้พี่เกรียง ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ตัวเรากำลังทำอะไรอยู่นี่!!! ดื่มแต่เหล้าทั้งวันทั้งคืน การงานไม่ทำ” หลังจากนั้นเองทำให้พี่เกรียงตั้งปณิธานต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโทรทัศน์ว่า “ตนจะเลิกดื่มเหล้าเพื่อพระองค์ท่าน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
แล้วชีวิตก็เริ่มดีขึ้น…
“หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เคยดื่มเหล้าอีกเลยสักครั้งเดียว ร่างกายที่เคยซูบผอมเหมือนโครงกระดูก เดินได้ กลับมีเนื้อหนัง ดูสดใสขึ้นผิดหูผิดตา และที่สำคัญไม่เคยเข้าโรงพยาบาลอีกเลย หันมาทำมาหากินอย่างจริงจัง ซึ่งงานแรกที่ทำคือขายเสื้อผ้า เมื่อผมเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผมได้รับตามมาคือ รอยยิ้มที่สดใสของคนในครอบครัว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย” นายบรรพต จำนงกิจ เล่าด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ
เมื่อหันหลังให้กับเหล้าแล้วไม่ได้หมายความว่าพี่… จะเลิกคบเพื่อนๆ ที่เคยตั้งวงกินเหล้าด้วยกันไปเลย พี่เกรียงยังคงพูดคุย ทักทายเพื่อนๆ กลุ่มนั้นเหมือนเดิม แต่ไม่เคยคิดที่จะกลับไปดื่ม “เหล้า” อีก ได้แต่บอกเพื่อนๆ ไปว่า “ผมเลิกแล้ว” ช่วงหลังๆ เลยไม่มีใครมาชวนพี่เกรียงไปดื่มอีกเพรารู้ว่าชวนอย่างไรพี่เกรียงก็คงไม่ไปอย่างแน่นอน
เมื่อเลิกเหล้าได้ ทางใหม่ ชีวิตใหม่ก็เริ่มต้น…
“หลังจากวันที่ผมตั้งปณิธานว่าจะเลิกเหล้าเพื่อในหลวง ผมก็คิดว่าไปหาซื้อพระบรมรูปปั้นของพระองค์มาไว้ที่บ้าน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง แต่หาซื้อเท่าไหร่ก็หาไม่ได้ ผมจึงคิดที่จะปั้นขึ้นมาเอง แรกๆ ก็ไปหาซื้อขี้เลื่อยจากโรงเลื่อยต่างๆ แต่ก็ไม่ที่ไหนขายให้ผมเลย ผมจึงไปซื้อดินน้ำมันมาปั้นแทน” คำพูดแรกที่พี่เกรียง เล่าเมื่อคิดถึงจุดเริ่มต้นของงานปั้น แต่ยังเล่าต่ออีกว่า
“ด้วยความที่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งรูปที่กำลังจะปั้น คือรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของชาวไทย ทำให้ผม “กลัว” ที่จะปั้น กลัวคนรอบข้างจะตำหนิว่า “จะปั้นเล่นได้อย่างไร” ผมเลยไม่กล้าที่จะปั้น หยิบดินน้ำมันขึ้นมาแล้วก็ต้องเก็บเข้าตู้เหมือนเดิม ทำแบบนี้ซ้ำๆ กันเป็นเวลาเกือบ 5 เดือน”
แต่ด้วยความตั้งใจจริง ทำให้พี่เกรียงรวบรวมความกล้าที่จะปั้น และก็ปั้นพระบรมรูปปั้นของพระองค์ท่านได้สำเร็จเป็นองค์แรก และก็ใช้เวลาว่างหลังจากขายของปั้นมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน…
“มีคนมาขอซื้อมากมายแต่ผมก็ไม่ขาย ได้แต่บอกไปว่า ผลงานทุกชิ้นผมปั้นด้วยใจ ไม่ได้ปั้นขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์ …บางคนถึงกับต่อว่า ตำหนิ ว่ามีของดีแล้วทำไมไม่แบ่งให้คนอื่นบ้าง แต่ผมก็ยังไม่ยอมขาย จนปัจจุบันผมมีพระบรมรูปปั้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กว่า 400 องค์แล้ว และผมก็ตั้งใจว่าจะปั้นไปเรื่อยๆ ปั้นไปจนกว่าจะไม่มีแรงจะปั้น” พี่เกรียง เล่าด้วยความหนักแน่น
วิถีชีวิตของคนขี้เหล้าคนหนึ่ง… หลังจากติดเหล้างอมแงม!! มองอนาคตแทบจะไม่เห็น แต่กลับ “พลิก” ชีวิตที่มืดมนให้มาสดใสอีกครั้งได้อย่างน่าทึ่งรายนี้ ปัจจุบันมีความสุขอยู่กับครอบครัว สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพียงเพราะแรงบันดาลใจที่แข็งกล้า ทำให้มีเขาในวันนี้ “บรรพต จำนงค์กิจ”….
คุณเองก็สามารถมีชีวิตที่ดีกว่าได้ เริ่มต้นวันนี้ยังไม่สาย ตั้งใจจริง เลิกได้แน่นอน!!!!
ที่มา : ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th
Update : 30-03-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฐภัทร ตุ้มภู่