เลิกเหล้าง่ายกว่าที่คิด พลิกชีวิตให้ดีกว่า

จาก ‘อันธพาลสู่ คนต้นแบบเลิกแหล้า

 

 

เลิกเหล้าง่ายกว่าที่คิด พลิกชีวิตให้ดีกว่า

 

 

จิตแพทย์ อึ้ง! เด็ก 9 ขวบ ติดเหล้าป่วยทางจิต เผยหลายรายติดงอมแงม กลับมาดื่มซ้ำซ้อน ชี้ 1 เดือนเจอกว่า 20 ราย แนะวิธีทดสอบการติดเหล้าขั้นรุนแรงด้วยตัวเอง ขณะที่ คนต้นแบบเลิกแหล้าระบุช่วงเลวร้ายในชีวิต ติดยาเป็นหนี้-เสียสุขภาพ

 

            วันนี้ (11 พ.ย.) ที่สำนักงานเขตราชเทวี สำนักงานป้องกันและบำบัดผู้ติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และ มูลนิธิเพื่อนหญิง ได้ร่วมกันจัดงานเสวนา เลิกเหล้าง่ายกว่าที่คิด พลิกชีวิตให้ดีกว่า โดยท่านวิทยากร พญ.บุญศิริ จันทรศิริมงคล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานยาเสพติดและสุรา สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ ผู้ป่วยที่มีอาการติดสุรามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากประชากรที่ดื่มในปี 2551 พบว่า 10.9% ในจำนวนนี้มีมากถึง 4 % ที่ดื่มจนติด อีกทั้ง ยังมีผู้ป่วยรายใหม่ที่เข้ามาพบแพทย์ด้วยอาการขาดเหล้า และกลับมาดื่มซ้ำซ้อน ที่สำคัญผู้ป่วยจิตเวชที่เกิดจากการดื่มสุรามีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดพบผู้ที่เริ่มดื่มเหล้าจนติดและกลายเป็นผู้ป่วยทางจิต มีอายุเพียง 9 ปี และอายุผู้ติดเหล้าเฉลี่ยแล้วลดลงจากที่มีอายุ 30 – 45 ปีขึ้นไป ลดเหลือเพียง  20-30  ปีเท่านั้น หากดูข้อมูลจากการรับผู้ป่วยฉุกเฉินในห้องฉุกเฉินจะพบว่า ภายใน 1 เดือน มีผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาด้วยอาการติดเหล้าและป่วยทางจิตกว่า 20 ราย นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วย 15 % มีโอกาสทำร้ายตัวเองถึงขั้นเสียชีวิต

 

            พญ.บุญศิริ จันทรศิริมงคล กล่าวว่า จากการสอบถามประวัติ กรณีเด็กอายุ 9 ปี ที่ติดเหล้าและมีอาการทางจิต พบว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อม เพราะทั้งพ่อและแม่ดื่มเหล้า ทำให้เด็กมองว่า เป็นเรื่องธรรมดาและดื่มตามจนติด เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว มีอาการซึมเศร้า ฟุ้งซ่าน สมองไม่ได้รับการพัฒนา จนต้องออกจากโรงเรียน ทั้งนี้ เด็กที่ไม่ได้เรียนจะมีแนวโน้มการติดเหล้าได้ง่ายกว่าเด็กที่เรียนหนังสือ  อย่างไรก็ตาม แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาคงต้องใช้เวลา เพราะยังมีอีกจำนวนมากที่ดื่มเหล้าจนติด แม้คนรอบข้างหรือแพทย์พยายามบอกให้เลิกก็ไม่ยอม ส่งผลทำให้ป่วยจากพิษสุราเรื้อรัง เป็นโรคต่างๆ ตามมา อาทิ โรคระบบจิต ประสาท โรคหัวใจ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ตับแข็ง ตับอักเสบ กระเพาะอักเสบ มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

           

“สำหรับวิธีทดสอบว่าตนเองเป็นคนติดเหล้าขั้นรุนแรงหรือไม่ เบื้องต้นถามตนเองว่า 1.เคยดื่มถึงขั้นอยากจะหยุดหรือไม่ 2.เคยดื่มจนคนรอบข้างบอกให้หยุดหรือไม่ และ 3.ตื่นเช้ามาแล้วยากดื่มจนหยุดไม่ได้ หากมีอาการแบบนี้แสดงว่าเข้าข่าย ซึ่งคงต้องรีบมาพบแพทย์ ทั้งนี้ผู้ที่ชอบดื่มเหล้า สามารถปฏิบัติตัวได้เองคือ พยายามตั้งสติ นึกถึงปัญหา และผลกระทบจากการดื่มเหล้าให้มากที่สุด และปฏิญาณตนว่าจะเลิกดื่มไม่ใช่ลดการดื่ม ทั้งนี้คงต้องอาศัยครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วม เพราะบางรายอาจรักษาให้หายขาดได้โดยไม่ต้องกินยา ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการรับคำปรึกษาเลิกเหล้า สามารถปรึกษาได้ที่ ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา สายด่วน 1413” พญ.บุญศิริ กล่าว

 

            ขณะที่ นายโกวิท ยงวานิชจิต รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพฯ กล่าวระหว่างการปิดงานเสวนาในครั้งนี้ว่า ยอมรับว่า การเลิกดื่มเหล้าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะเหล้าคือสารเสพติดชนิดหนึ่ง ดังนั้น การสร้างแรงจูงใจให้ ลด ละ เลิก จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแม้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังขาดการบังคับใช้ ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ สนับสนุนให้เลิกพฤติกรรมการดื่ม อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ ลด ละ เลิก กับบุคลากรของสำนักงานเขตลาดพร้าวในปีที่ผ่านมา  ถือว่าประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากร จนเกิดเป็นบุคคลต้นแบบสร้างความตระหนัก ถ่ายทอดประสบการณ์ให้คนอื่นได้รับทราบ และคนต้นแบบยังสามารถขยายจำนวนชักชวนคนเลิกเหล้าได้เพิ่มขึ้น ตอนนี้มีคนที่อยู่ในข่ายลด ละ อีกกว่า 30 ราย หลังจากนี้ ทางสำนักอนามัยจะสรุปบทเรียนที่ได้ เพื่อนำมาวางแผนในการลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และจะขยายผลให้ครอบคลุมทั่วทุกเขตต่อไป

 

ด้าน นายธราธร แย้มขยาย บุคคลต้นแบบคนเลิกเหล้า ปัจจุบันเป็นพนักงานขับรถยนต์ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า การตัดสินใจเลิกเหล้าครั้งนี้ ทำให้ตนมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก ต่างจากเมื่อก่อนที่เคยทำตัวเป็นอันธพาล ไม่เกรงกลัวใคร ชกต่อยไม่เว้นแต่ละวัน เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง ช่วงนั้นตนเกเรมากทั้ง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ติดยาเสพติด เล่นการพนัน จนต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อนำมาซื้อเหล้า และเป็นหนี้อีกจำนวนมาก ส่วนชีวิตครอบครัวถือว่าย่ำแย่ แต่งงานมาแล้วหลายครั้ง สุดท้ายก็ต้องหย่าร้างกับภรรยาเพราะเขาทนพฤติกรรมไม่ไหว จากนั้นไม่นานพ่อก็มาเสียชีวิต จึงเกิดเป็นจุดเปลี่ยนที่อยากจะปรับปรุงตัวเองใหม่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรให้พ่อเลย อีกทั้งตนแต่งงานใหม่ จึงทำให้เลิกเหล้าได้อย่างเด็ดขาด คงเป็นเพราะอายุมากขึ้นและคิดถึงอนาคตของครอบครัว

 

“การเข้ามาเป็นอาสาสมัครบุคคลต้นแบบเลิกเหล้า ถือว่าได้ทำประโยชน์ให้คนอื่น ช่วยเหลือสังคมในการปรับเปลี่ยนทัศนคติให้คนเลิกดื่มเหล้า และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงอยากชักชวนให้คนที่ดื่มอยู่ตอนนี้ คิดให้มาก เพราะสิ่งที่สะสมอยู่ในร่างกายมันคือ “พิษ” ที่มีศักยภาพในการทำลายสูงกว่าที่คิด อย่าประมาทกับเหล้า แต่ถ้าเราตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว เราก็สามารถเลิกมันได้” นายธราธร ต้นแบบเลิกเหล้า กล่าวอย่างภูมิใจ

 

 

 

 

ที่มา : สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และมูลนิธิเพื่อนหญิง

 

update : 11-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย :  ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

 


 

 

Shares:
QR Code :
QR Code