เรื่องเล่าจาก เด็กชายขอบ ขอโอกาส เพื่อสร้างประโยชน์
ที่มา : เดลินิวส์
ภาพประกอบจาก สสส.
กลุ่มเยาวชนในสังคมชายขอบ ไม่เพียงแต่ขาดสิทธิต่าง ๆ จนเกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ยังมีปัญหาชีวิตมากมาย ทั้งเด็กรักร่วมเพศในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ กลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี เด็กที่หลุดจากระบบการศึกษา และเด็กที่ตั้งท้องก่อนวัยอันควร
จากปัญหาดังกล่าวนำมาสู่การจัดงาน ThaiHealth Youth Solutions ครั้งที่ 1 ตอน "พลังของเด็กชายขอบ" โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเปิดพื้นที่สื่อสารให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สะท้อนปัญหา ส่งเสียงไปยังสาธารณะ ผ่านเวทีเสวนาหัวข้อ "ฝันใหญ่..ไปด้วยกัน" โดยเลือกจากกลุ่มเยาวชนชายขอบที่มีการทำงานต่อเนื่อง 6 กลุ่ม เพื่อสร้างความร่วมมือให้เกิดการผลักดันนโยบายใหม่ ๆ สู่การยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มเยาวชนเปราะบางในอนาคต
พัดลี โตะเดร์ ตัวแทนจากกลุ่มลูกเหรียง กล่าวว่า ตนเป็นเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำพร้าและมีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน ช่วงที่เรียนอยู่ชั้นระดับมัธยมในโรงเรียนแห่งหนึ่งจังหวัดยะลา ถูกครูทำโทษด้วยการโกนหัวแล้วให้วิ่งรอบสนาม ทุกคนมองเห็นตนเป็นสิ่งแปลกประหลาด เป็นคนบาป ทำให้ตนรู้สึกน้อยใจสังคมอย่างมากที่ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น
"ทุกวันนี้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ชายแดนใต้ก็ขาดโอกาสอยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญหน้ากับสังคมที่ปิดกั้นการยอมรับเพศสภาพอันหลากหลาย จึงอยากให้กระทรวงศึกษาธิการเข้ามาปกป้องและคุ้มครองสิทธิคนกลุ่มนี้ เพราะถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ"
เช่นเดียวกับเยาวชนกลุ่มรักษ์ไทยเพาเวอร์ทีน ซึ่งทำงานกับเด็กเยาวชนที่ติดเชื้อ เอชไอวี โดย พิมพ์พิศา จินดาอินทร์ อายุ 22 ปี สะท้อนปัญหาตลอดการทำงานในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาว่า ได้พบเด็กติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่ยอมไปรับยาต้าน เพราะเกิดอาการเบื่อยาที่กินมาตั้งแต่เด็ก แถมยังถูกสังคมตีตรา หรือถูกเลือกปฏิบัติ จึงไม่มั่นใจที่จะไปรับยามากิน
"เด็กเหล่านี้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แท้ ๆ อาจพึ่งพาญาติ หรืออาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์ เป็นประเด็นปัญหาที่ทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งกลุ่มรักษ์ไทยเพาเวอร์ทีน จะทำงานติดตามเพื่อนที่ออกจากระบบการรักษาหรือหยุดยา โดยดึงให้เข้ามาทำกิจกรรมภายในกลุ่ม เน้นการสร้างเสริมกำลังใจเพื่อให้รู้ว่าสังคมยังมีพื้นที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ทำงานกับผู้ดูแลเด็กเพื่อเสริมความมั่นใจ"
และอีกปัญหาหนึ่งที่พบในกลุ่มเยาวชนพื้นที่ชายแดนภาคใต้ก็ คือ การออกจากระบบการศึกษาก่อนกำหนด ซึ่ง มูฮาหมัด อุมะ ตัวแทนกลุ่มพิราบขาว สะท้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้จากการทำงานร่วมกับเยาวชนที่ออกจากโรงเรียนว่า เด็กบางคนมีพฤติกรรมเกเร คนทั่วไปอาจมองเป็นปัญหาสังคม แต่ทางกลุ่มเห็นว่า เขามีความกล้าและเด็ดเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า "ปันจักสีลัต" สิ่งนี้จะเป็นการสร้างความภูมิใจให้แก่ชีวิตของเขาได้
ด้านตัวแทนจากกลุ่มสหทัยมูลนิธิ รัตนา เจ๊ะมะหมัด คุณแม่วัยใส อายุ 20 ปี ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟัง ว่า ช่วงตั้งท้องต้องเผชิญกับคำดูถูกเหยียดหยามต่าง ๆ นานา ซึ่งได้สหทัยมูลนิธิให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนอนาคต ทั้งเรื่องการเรียน ครอบครัว การเงิน การเลี้ยงลูก ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งยังมีพ่อแม่วัยรุ่นที่เข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแต่ละคนจะต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน คือ สังคมไม่ให้โอกาส และพ่อแม่รับไม่ได้
ไม่ต่างจาก ณัฐพงษ์ ราหุรักษ์ อายุ 22 ปี ตัวแทนเยาวชนจากกลุ่มมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทย ที่เล่าว่าตนเองเคยต้องคดี แม้จะออกมาจากสถานพินิจแล้ว แต่ยังต้องเผชิญกับสายตาของคนสังคมที่ตีตรา
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนชายขอบ มีภาวะเปราะบาง ทั้งทางสถานะสังคม และเศรษฐกิจ มีโอกาสที่จะเผชิญปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาวะได้มาก กว่าเด็กที่มีความพร้อม จึงเห็นว่า เยาวชนชายขอบของสังคมเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพซ่อนอยู่ในตัว มีความเข้มแข็งอยู่ภายใน เพียงแต่ต้องให้โอกาส และช่วยกันสนับสนุนเสริมสร้างพลังบวกให้พวกเขาได้ลงมือทำ และแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่
เรื่องเล่าของตัวแทนกลุ่มเยาวชนเหล่านี้ แม้จะเคยก้าวพลาด หรืออาจมีหนทางเดินที่แตกต่างจากสังคมส่วนใหญ่ แต่พวกเขาต่างก็อยากเป็นคนดี เพียงขอแค่โอกาส ให้เขาได้มีที่ยืน เขาก็พร้อมจะสร้างประโยชน์ให้กับสังคม