“เยาวชนสาวหัวใจผู้นำ” บำเพ็ญประโยชน์พัฒนาตนเอง
ผู้หญิงทุกคนก็ทำได้
“ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ” คำๆ นี้คงคุ้นหูผู้หญิงเราเป็นอย่างดีที่ทุกคนมักเคยได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการตอกย้ำบทบาทของสตรีไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เพราะถูกมองว่าไม่มีกำลังความสามารถ ต้องพึ่งพาเพศตรงข้าม ทั้งยังมองว่าไม่มีความสามารถมากพอเป็นช้างเท้าหน้าได้เฉกเช่น “ผู้ชาย” ซึ่งในสมัยโบราณสาวๆ อาจคล้อยตามความคิดเหล่านี้ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป “ผู้หญิง” ได้พัฒนาศักยภาพของตน ผ่านการศึกษาหาความรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนเสริมทักษะประสบการณ์ชีวิตด้วยตัวเอง
เหมือนกับเธอคนนี้ นางสาวผณินทร สุทธิสารากร หรือน้องเบนซ์ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ก่อนหน้านี้เธอเป็นเด็กขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดแสดงความคิดเห็น ทั้งๆ ที่เป็นเด็กเรียนดี ความสามารถที่มีอยู่ถูกนำออกมาใช้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เมื่อชีวิตก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเปลี่ยนบทบาทจากผู้ตามมาเป็นผู้นำ ทำงานร่วมกับคนอื่นในตำแหน่ง “นายกสโมสรนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ” ซึ่งกว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ เพราะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้พร้อมเรียนรู้ และเปิดรับทุกสิ่งรอบตัว
“น้องเบนซ์” สาวน้อยนครสวรรค์ มีพี่น้องด้วยกัน 3 คน เนื่องจากครอบครัวประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว จึงเป็นเหตุผลให้เลือกเรียนด้านบริหาร เพราะต้องการนำความรู้ในส่วนนี้ไปพัฒนาธุรกิจครอบครัวเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่างานบริหารธุรกิจ ลูกผู้หญิงก็ทำได้ไม่แพ้กัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ น้องเบนซ์ บอกว่า “ด้วยความต้องการพิสูจน์ความรู้ความสามารถของตนให้ครอบครัวได้เห็น เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้มองหาโอกาสพัฒนาศักยภาพด้วยตนเอง โดยเสนอตัวทำงานในตำแหน่งประธานสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจและโครงการหลังสูตรนานาชาติ ทำหน้าที่คิดกิจกรรมเสนอโครงการที่เกี่ยวข้องกับสาขา จากนั้นได้ก้าวขึ้นมาทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะ เรียนรู้วิธีการทำงานในอีกระดับหนึ่ง” น้องเบนซ์บอกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจพร้อมว่า
ผลงานแต่ละชิ้นที่ออกมาสะท้อนถึงการทำงานที่เกิดขึ้นจริง จากประสบการณ์ทำงานกว่า 2 ปีส่งผลให้ได้รับเลือกเป็นนายกสโมสรนักศึกษา ทำหน้าที่ดูแลจัดทำโครงการเกี่ยวกับด้านพัฒนาสังคมและบำเพ็ญประโยชน์ กีฬา วิชาการ ประชาสัมพันธ์ วารสารคณะ และศิลปวัฒนธรรม ติดต่อประสานงานและติดตามประเมินผลงานที่ออกมา สำหรับการทำงานในบทบาทผู้นำแทนฝ่ายชายก็ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไม่ได้ เพราะการทำงานกับผู้ชายย่อมมีการกระทบด้านความรู้สึกในเชิงผู้หญิงเป็นฝ่ายออกคำสั่ง การปรับตัวใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น จึงเป็นอาวุธชั้นดีที่เอาชนะใจเพื่อนร่วมทีมให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการทำงานในแบบฉบับสตรีนั้น อันดับแรกต้องรู้จักปรับตัวเข้าหาผู้อื่นเสียก่อน ตามมาด้วยการรู้จักวางแผนงานล่วงหน้าโดยไม่ลืมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมทีม แสดงความมีน้ำใจด้วยการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน รวมไปถึงมีบุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใสสื่อสารด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทั้งหมดนี้จะเป็นกุญแจเปิดให้สตรีก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ลงมือทำงานร่วมกับผู้ชายได้อย่างไม่มีปัญหา เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ผู้หญิงเราไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวเป็นผู้นำในแบบที่ผู้ชายเป็น แต่ให้เป็นผู้นำตามแบบผู้หญิง ซึ่งนั่นหมายถึงความแข็งแกร่ง และเชื่อมั่นว่าตนเองมีดีพอที่จะก้าวมาสู่จุดยืนนั้นได้
เท่านั้นยังไม่พอยังมีสาวน้อยวัยใสที่ต้องกัดฟัน “สู้” เพื่ออนาคตที่ดี เด็กหญิงกมลลักษณ์ สอาดเอี่ยม หรือน้องบีม อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านคลองทราย จังหวัดระยอง สาวน้อยผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้เกิดในครอบครัวผู้มีรายได้น้อยก็ไม่อาจขวางกั้นความสนใจใคร่รู้ของเธอได้ ดิ้นรนช่วยพ่อแม่ทำงานทั้งในบ้านนอกบ้าน เพื่อหารายได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่ ความเป็นอยู่ของชีวิตถูกดำเนินไปอย่างเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ เพราะเด็กน้อยรู้ดีว่าเงินที่แลกมาด้วยแรงกายนั้นมีคุณค่าขนาดไหน ผลของการช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่เด็กฝึกฝนให้เธอเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกทางความคิดจนได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนในที่สุด
น้องบีมบอกว่า คำสั่งสอนของแม่นั้นทำให้เธอมีเป้าหมายของการดำเนินชีวิต รู้จักหน้าที่ของลูก 3 ประการ คือ เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และตั้งใจเรียนหนังสือ สิ่งเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของการเป็นเด็กดีที่เธอได้เรียนรู้จากผู้เป็นแม่
นอกจากปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่แล้ว การขวนขวายหาความรู้แสดงความสามารถต่างๆ เป็นแนวทางฝึกฝนความเก่งให้ตนเองด้วยแรงสนับสนุนจากครูพาเข้าร่วมกิจกรรม อาทิ การประกวดแข่งขันตอบปัญหาสุขภาพ แข่งขันคณิตศาสตร์ ท่องอาขยาน คัดลายมือ สวดสรภัญญ์ และแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล ทุกครั้งต้องคว้ารางวัลติด 1 ใน 3 ของการประกวดแข่งขันระดับอำเภอ สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนไม่ขาดสาย
สิ่งที่ทำส่งผลให้เธอได้รับเลือกจากเพื่อนให้เป็นประธานนักเรียน รับหน้าที่เป็นผู้นำนักเรียนกว่า 180 คน เรียกได้ว่า เธอเป็นตัวอย่างให้นักเรียนคนอื่นๆ กล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออกตามความสามารถที่มีเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสำคัญ
วันนี้น้องบีมได้ค้นพบแล้วว่า “ครู” เป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝันยากจะเป็นมากที่สุด สาวน้อยให้เหตุผลว่า “ความรู้ที่ได้รับจากครูนั้น ช่วยเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กทุกคนมีเท่าเทียมกัน ต่อไปในภายหน้า ถ้ามีโอกาสโตขึ้นได้เรียนเป็นครูจะมอบโอกาสทางการเรียนรู้เหมือนที่เคยได้รับจากโรงเรียน” น้องบีมทิ้งท้ายความรู้สึก
…เด็กในวันนี้จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้าได้…ไม่ใช่เพียงแค่เด็กสาว 2 คนนี้เท่านั้นที่จะเติบโต มายืนอยู่แนวหน้าเทียบเท่าผู้ชาย แต่ยังมีอีกหลายคนที่ทำได้ เพียงแค่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ สู้ พร้อมที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถสร้างทักษะต่างๆ ผ่านการฝึกฝนเปิดรับประสบการณ์ชีวิต ความสำเร็จจึงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แสดงศักยภาพที่มีในตนเองออกมาให้สังคมได้ประจักษ์ แน่นอนว่า “ผู้หญิงเก่ง” คุณก็เป็นได้
เรื่องโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย Team content www.thaihealth.or.th
Update:07-01-53