เมื่อลมหนาวมาเยือน
วายร้าย “ไข้หวัดใหญ่ 2009″ อาจจะกลับมา
ระยะนี้ คนกรุงเทพฯ และ พื้นที่บางแห่งอาจจะกำลังวิตกกันถึง พายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะ คนกรุงเทพฯที่เจอฝนห่าใหญ่ตกมาเกือบทั้งคืน คงกำลังจินตนาการกันต่อไปแล้วว่า กรุงเทพฯอาจจะมีน้ำท่วม
ท่ามกลางความวิตกเรื่องฝนที่กระหน่ำลงมา คงยังมีอีกหลายคนที่กำลังรอคอยวันแห่งฟ้าหลังฝน คือ เริ่มจะรู้สึกกันว่า ถ้าหมดฝนช่วงนี้แล้ว อากาศเย็นจาก ฤดูนาวก็คงจะมาเยือน โดยเฉพาะในช่วงระยะเดือนนี้ (กันยายน) ไปจนถึงกลางเดือนหน้า (ตุลาคม) พลเมืองไทยก็จะอยู่ในใน ระยะแห่ง “ปลายฝนต้นหนาว” ความรู้สึกเป็นสุขที่จะได้รับลมหนาวคงจะสร้างความสดชื่นให้กับคนที่กำลังจินตนาการถึงฤดูหนาวได้มากพอสมควร
แต่สำหรับคนที่มีหน้าที่ หรือ มีความเป็นห่วงต่อสุขภาพของคนในสังคมคงจะไม่ค่อยสบายใจมากนัก
หนึ่งในหลายๆ คนที่ มีความเป็นห่วงต่อสุขภาพของคนในสังคมไทย คือ นายแพทย์ มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการควบคุม ป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เริ่มที่จะกังวลว่า ปลายฝนต้นหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ เจ้าตัววายร้าย “ไข้หวัดใหญ่ 2009” อาจจะกลับมาเยือน คนในกรุงอีกครั้งหนึ่ง โดย คุณหมอ มงคลให้เหตุผลยืนยันว่า สิ่งที่น่ากังวลและน่ากลัวมากที่สุด คือ อีก 2-3 เดือนข้างหน้าซึ่งจะเป็นช่วงหน้าหนาว อาจจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคนี้ในระลอกที่ 2 ซึ่งเป็นการระบาดที่เกิดขึ้นจากภายในประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อที่มาจากต่างประเทศผ่านพ้นไปแล้ว การแพร่ระบาดของเชื้อในระลอก 2 จึงจะเกิดในลักษณะหมุนวนกลับจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพมหานครหรือจากชนบทเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว และในการระบาดรอบนี้จะมีจำนวนคนป่วยมากขึ้น เพราะคนมีการเดินทางติดต่อกันตลอดเวลา
นายแพทย์มงคล ณ สงขลา ขยายความถึง การเดินทางของ โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ตอนนี้กำลังไปอาละวาดอยู่ทางต่างจังหวัดว่า ต่างจังหวัดไข้หวัดใหญ่ 2009 อยู่ในช่วงระบาดขาขึ้น โดยพื้นที่เสี่ยงจะอยู่ที่ ร.ร.-บ้าน และเชื่อว่าอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เจ้าโรคร้ายนี้จะระบาดรอบ 2 ซึ่งเป็นการเกิดในลักษณะเชื้อหมุนวนกลับเข้าเมือง ที่จะมีคนป่วยมากกว่าเดิม
คุณหมอยังเอาตัวเลขมาเปิดเผยให้ทราบว่า ตอนนี้ สสส.ได้ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า มีการประมาณการว่าคนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009แล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจัดอยู่ในช่วงขาขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของโรคที่จะแพร่กระจายจากเมืองออกสู่ชนบท โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่าในพื้นที่หลายๆจังหวัด เช่น เชียงใหม่ นครสวรรค์ ร้อยเอ็ดและระนองมีแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งนั้น
“การจะช่วยให้ประชาชนปลอดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการให้ความรู้ในการส่งเสริมและป้องกันโรคกับประชาชน ทุกพื้นที่ต้องปลุกระดมให้ประชาชนตื่นตัวในการดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะประชาชนจะติดเชื้อโรคนี้หรือไม่ อยู่ที่พฤติกรรมส่วนบุคคล ไม่มีใครบังคับให้ใคร การป้องกันตัวเองด้วยการล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ไปชุมนุมในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดจากตัวของประชาชนเองที่ตระหนักในการดูแลป้องกันตัวเอง”นพ.มงคล กล่าว
ส่วนใครที่ประมาท และ คาดว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะไม่กลับมาระบาดอีกเป็นรอบที่สอง คุณหมอ มงคล อยากบอกว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด เวลานี้ ถ้าคิดถึง ในแง่ของความเป็นธรรมชาติของการแพร่ระบาดของโรค หาก เมื่อในพื้นที่ต่างจังหวัดมีจำนวนผู้ป่วยหนาแน่น เชื้อก็จะหมุนหวนกลับเข้ามาเมืองใหม่ เพราะ ต่างจังหวัดกับเมืองหลวง จะมีการถ่ายเท ประชากรกันอยู่ตลอดเวลา ยิ่งความเสี่ยงในต่างหวัดมีเพิ่มมากขึ้น ธรรมชาติของคนย่อมหลีกหนีความเสี่ยงมากกว่า เข้ามาในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า เข้าทำนอง “หนีร้อนมาพึ่งเย็น” และ ตรงประเด็นนี้ นี่เอง ที่ เจ้าตัวไข้หวัด จะติดตัวแทรกมากับคนที่กำลังเดินทางมายังเมืองหลวงด้วย
ส่วนเรื่องที่ อาจจะมีคนหลายคนคิดว่า คนเมืองหลวงเคยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มาแล้ว แม้โรคนี้จะกลับมาใหม่ ก็จะไม่น่ากลัวอีกแล้ว เพราะ มีภูมิคุ้มกันมาแล้ว คุณหมอ มงคล บอกว่า
อย่าไปคิดว่าที่เกิดในระลอกแรกทำให้คนในเมืองเกิดภูมิคุ้มกันหมดแล้ว เพราะยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนี้ และคนกลุ่มนี้แหละที่จะกลายเป็นคนติดเชื้อ แล้วก็แพร่ขยายต่อไป ต่อไป และต่อไปอีก
เรื่องของเรื่องก็คือ แม้ว่า วันนี้ ไข้หวัดตัวนี้กำลังไประเริงร่าอยู่ในชนบท แต่เชื่อเถอะ อีกไม่นาน มันก็จะหมุนกลับมายังเมืองหลวงอีกครั้ง จากการถ่ายเทประชากรจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งนั่นเอง
หนาวนี้ใครที่กำลังมองหาความสุข ในยามที่ “ลมหนาวมาเยือน เตือนใจคะนึง “ก็อย่าได้ตั้งอยู่บนความประมาท เพราะหนาวนี้แทนที่คุณจะมีความสุขอาจจะตรงกันข้ามก็เป็นไปได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update 22-09-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์